57. ผลงานแย่ ผลงานดี ผลงานยิ่งใหญ่

ทฤษฎีเฮง: ผลงานแย่ ผลงานดี ผลงานยิ่งใหญ่

ศาสตราจารย์ ดร. อุทิส ศิริวรรณ

คอลัมน์    How to Heng ต้นฉบับ 17 กันยายน 2555

เพื่อนๆ นักขายครับ ตอนนี้ผมขอนำเสนอทฤษฎีเฮงว่าด้วย “ผลงาน”

โลกนี้ มีผลงานที่ผู้กระทำ ต้องเผชิญ ต้องรับผิดชอบไม่เกิน 3 แบบ

แบบแรก  ผลงานแย่ เป็นงานที่ทำแล้ว เสียเงิน เสียเวลา เสียโอกาส เสียความรู้สึกเมื่อได้ทำ ทำแล้วอาจเจ๊งเจ็บจน ยกตัวอย่างเช่น ทำงานกับคนไม่รู้หน้า ไม่รู้ใจ อยู่กับนายที่ใจแคบ ทำงานในองค์กรที่เต็มไปด้วยคมมีด คมหอก คมดาบ อาวุธลับเกลื่อนองค์กร ยิ่งทำยิ่งเหี่ยว ยิ่งทำยิ่งเฉา เบื่อหน่าย สิ้นหวัง อยู่ไปวันๆ

แบบที่ 2 ผลงานดี  เป็นงานที่ทำแล้วชอบ ทำแล้วใช่ คิดแล้วคลิก ทำแล้วสนุกสนาน ทำแล้วเพลิดเพลิน รู้สึกมันส์ อยากทำต่อเนื่องจริงจัง ทำแล้วรู้สึกศรัทธา ใจรัก เชื่อถือ มั่นใจ ทำแล้วได้เงินได้ทอง คุ้มค่ากับเวลา ทำให้ค้นและเค้นศักยภาพส่วนตัวออกมาได้เต็มที่ ได้ทั้งเกียรติและกล่อง

แบบที่ 3 ผลงานยิ่งใหญ่ คืองานที่มีผลมากมายมหาศาลต่อเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการหมุนเวียนจับจ่ายสินค้า เงินทองเปลี่ยนมือ ทำให้คนในสังคม ชุมชน และครอบครัว มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เป็นเรื่องแปลกว่า คนส่วนใหญ่ ไม่ชอบงานที่ทำแล้ว “แย่” แต่คนส่วนใหญ่กลับต้องลงทะเบียนเรียนด้วยชีวิตจริง ด้วยหยาดเหงื่อ ด้วยหยดน้ำตา ต้องเค้นสมอง ต้องใช้ฝีมือเต็มที่ กว่าจะฝ่าด่านเอาชนะงานที่แย่จนพลิกฟื้น กลับกลายเป็นได้สร้างผลงานที่ดี และผลงานที่ยิ่งใหญ่

สถิติระบุว่า คนส่วนใหญ่มักจะต้องลองผิดกับงานที่แย่ถึงร้อยละ 80 ในห้วงเวลาแห่งชีวิต!!!

มีคนเพียงแค่ร้อยละ 10-18 เท่านั้น ที่มีโอกาสได้ทำงานที่ดี!!!

มีหลักฐานบันทึกไว้ว่า มีเพียงแค่ร้อยละ 1-2 เท่านั้น ที่เกิดมาแล้ว มีโอกาสทำงานที่ยิ่งใหญ่!!!

ผมพยายามหาคำตอบผ่านทฤษฎีเฮง แล้วก็ได้รับคำตอบจากการแบ่งภพภูมิตามความเชื่อทางพุทธศาสนา

มนุษย์ที่เกิดบนโลกกว่า 6 พันล้านคน ในพระไตรปิฎกระบุไว้ว่ามีที่มา มีภพภูมิ ปูมหลังแตกต่างกันเนื่องจากฐานะ และระดับชั้นของภพภูมิที่จากมา ไม่เหมือนกัน

คนกลุ่มแรก อดีตชาติเป็นสัตว์ดิรัจฉาน กลับชาติมาเกิด นิสัยติดตัวมาคือ ชอบกิน ชอบเที่ยว ชอบเล่น  ไม่รับผิดชอบในหน้าที่การงาน มอบกิจการใดๆ ให้ทำไม่ได้ เสียงานเสียการ รักสนุกแต่ทุกข์ไม่เอา

อีกกลุ่มหนึ่งเป็นเปรตกลับชาติมาเกิด อุปนิสัยจะหิวโหย อดอยาก อยากได้อยากดีอยากมีอยากเป็น แต่ไม่ได้สมใจอยากก็จะร้องครวญคราง ขอให้คนช่วย ดังคำพังเพยว่า “เหมือนเปรตขอส่วนบุญ”

ส่วนมนุษย์อีกจำพวก เป็นสัตว์นรกกลับชาติมาเกิด สันดานที่ติดตัวมาคือ คิดชั่ว คิดล้างผลาญ คิดทำแต่สิ่งไม่ดีตลอดเวลา ชอบฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดศีลข้อกาเม ชอบมุสา ดื่มเหล้าเมายา

คนกลุ่มที่ 2 มนุษย์ที่เป็นมนุษย์กลับชาติมาเกิด จะเป็นคนที่สมกับเกิดเป็นคน รู้เหตุ รู้ผล รู้จัก สำนึกผิดชอบชั่วดี บาปบุญคุณโทษ มีศีลมีธรรม ทำตัวสมกับเป็นคน มีผลงานที่พิสูจน์แล้วไม่เสียชาติเกิด

มนุษย์อีกกลุ่มคือ มนุษย์ที่เป็นเทวดาจุติจากสวรรค์ลงมาเกิดในมนุษยโลก จะมีความละอาย เกรงกลัวบาปกรรม ตั้งอกตั้งใจทำงาน ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ฝึกกาย วาจา จิตตลอดเวลา

ส่วนมนุษย์กลุ่มที่ 3 คือ มนุษย์ที่จุติจากพรหมโลกมาเกิดในมนุษยโลก คนกลุ่มนี้จะมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ใช้ดุลพินิจ พิจารณา ไตร่ตรองการงานต่างๆ ด้วยเหตุ ด้วยผล ไม่ยึดติดในผลประโยชน์ต่างๆ

คน 3 กลุ่ม หรือ มนุษย์ 3 กลุ่มนี้ ชอบทำงานไม่เหมือนกัน

มนุษย์กลุ่มที่มาจากดิรัจฉาน เปรต นรก จะชอบทำงานที่ “แย่” ทำแล้วไม่ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ทำอะไรแล้วทำไม่ขึ้น จะเจ๊ง เจ็บ และจน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกิดศัพท์ “คนเสนียด” “คนจัญไร” “คนอุบาทว์” “คนอัปรีย์” “คนกาลีบ้านกาลีเมือง” “คนกินบ้านกินเมือง” “คนกาลกิณี” “คนเนรคุณ” “คนอกตัญญู” ก็ด้วยเหตุนี้

ส่วนมนุษย์ที่เป็นคนกลับชาติมาเกิดเป็นคน และมนุษย์ที่จุติจากสวรรค์มาเกิด จะชอบทำงานที่ “ดี” ทำแล้วผู้คนในสังคม เคารพ สักการะ ยกย่อง ให้เกียรติ นับถือ คำที่เราจะได้ยินเมื่อเอ่ยถึงคนกลุ่มนี้คือ เขาหรือเธอเป็น “คนดี” “คนซื่อสัตย์” “คนธรรมะธัมโม” “คนตรง” “คนกตัญญูรู้คุณคน” “ปูชนียบุคคล”

สำหรับมนุษย์ที่จุติจากพรหมโลกมาเกิดเป็นมนุษย์ คนกลุ่มนี้จะชอบทำงานที่ “ยิ่งใหญ่” งานที่ทำแล้วเกิดนวัตกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมแก่ผู้คนจำนวนมาก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิด คำพูด และการกระทำ แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้เสียสละ เกิดมาเป็นผู้ให้ อุทิศตัวแก่สังคม ประเทศชาติ และพระศาสนาอย่างจริงจัง

ตัวอย่างงานที่ยิ่งใหญ่คือ “การสร้างงาน” “การสร้างคน” “การสร้างรายได้” “การปลูกฝังและสร้างแนวคิด” “การเป็นต้นแบบ” ที่เห็นเด่นชัดคือ ผลงานของผู้ที่เป็น “มหาราช” ทั้งหลาย ในสังคมไทย เช่น ผลงานของ “พ่อขุนรามคำแหงมหาราช” “พระนารายณ์มหาราช” “พระนเรศวรมหาราช” “พระเจ้าตากสินมหาราช” “พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” หรืออย่าง “พระปิยมหาราช”

มหาราชทั้งหลาย เป็นผู้ที่มีผลงาน คนในสังคมและประเทศชาติต่างยกย่องให้เป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ เนื่องจากตลอดพระชนมชีพ ทรงบำเพ็ญบารมี สละสุขส่วนตัวเพื่อประโยชน์แก่ชนส่วนรวม!!!

เริ่มต้นจาก “ให้” ก่อน แล้วค่อยขยายผลเป็น “ให้มากกว่า” และจบลงที่ “ให้มากที่สุด”

เพื่อนๆ นักขายครับ อยากเป็นนักขายที่มีผลงานยิ่งใหญ่ ต้องเริ่มต้นด้วยการ “ให้” การให้แก่คนรอบตัว คนในชุมชน คนในสังคม เป็นสิ่งทำได้ยาก แต่ถ้าทำได้แล้ว จะเกิดผลงานที่ยิ่งใหญ่ตลอดไปครับ

Comments

comments