๒๕๕. ข้ออรรถ ข้อธรรม “ทฤษฎีให้กำลังใจ” ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๖

๑๖.๑๐.๒๕๖๖

ข้ออรรถ ข้อธรรม

“ทฤษฎีให้กำลังใจ”

อุทิส ศิริวรรณ เขียน

———–

ยืนยันความจริงว่า
ที่ผมทำการต่างๆ ได้ลุล่วง
เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ทุก ๘๐% จาก ๑๐๐%
รอบตัวผม มีแต่คนที่นิสัย เค็ม-เหนียว-เขี้ยว-เบี้ยว
ทุก ๑๙% จาก ๑๐๐%
รอบตัวผม มีแต่คนที่นิสัย “นิ่ง-เงียบ-เฉย”
ทั้งที่มีตำแหน่ง มีอำนาจเต็ม ที่จะผลักดัน ช่วยเหลือผม
แต่ท่านเหล่านี้
ไม่เคยคิด ไม่เคยนึกที่จะช่วย
ทั้งที่การที่ผมทำ
มีผลต่อความมั่นคงพุทธศาสนา
อยา่งละเอียด ลึกซึ้ง และทำด้วยความเลื่อมใสศรัทะา
บริสุทธิ์ใจ อย่างแท้จริง
แค่พออยู่ได้ พอทำงานกันได้
ไม่ใช่กอบโกย เอาความมั่งคั่งร่ำรวยสู่ตัว
เป็นการที่ทุ่มเททำ ไม่หวัง ดีเด่นดัง ใดๆ
ทุก ๑% จาก ๑๐๐%
รอบตัวผม เป็นคนที่ใจกว้าง
ใจใหญ่ ใจดี ใจบุญ ใจถึง พึ่งได้
ไม่ต้องพูดเยอะ ไม่ต้องพูดมาก
พิจารณาจากผลงานเชิงประจักษ์
ก็รีบช่วยเหลือ
รีบสนับสนุน
มีพรหมวิหารธรรม เมตตา-กรุณา-มุทิตา-อุเบกขา
ช่วยทันที ช่วยทันใด ช่วยทันใจ
-----------------------------
ผมนำความจริง
นำประสบการณ์ตรงมาเล่า
แชร์แบ่งปัน
ให้ตัวท่านเอง คิด วิเคราะห์ วิจัย วิจารณ์
จำแนก แยกแยะ เปรียบเทียบ
ว่าทุก ๑๐๐%
ท่านมีคนช่วยท่านจริง
ไม่ใช่แค่ “เสียงดังตังค์ไม่จ่าย” กี่%
โดยเฉพาะคนที่นิสัย “เค็ม-เหนียว-เขี้ยว-เบี้ยว”
ใกล้ตัวท่าน เอาเข้าจริงมีกี่%
ผมเขียนอะไรง่ายๆ
ไม่สลับซับซ้อน
แต่นำไปขบคิดต่อได้กว้างมาก
และนำไปใช้ได้จริง ในวงการที่ท่านทำงาน
เป็น "ทฤษฎีให้กำลังใจ"
ที่สั้น เข้าใจง่าย
--------------
ตลอดเวลากว่า ๒๐ ปี จนถึงปัจจุบัน
ที่ผมใช้ชีวิตเรียนและทำงานในสหรัฐอเมริกา
ได้พยายามนำประสบการณ์ชีวิตจริง
ที่เรียนรู้และทำงานมาขบคิด
พบว่าคนที่สำเร็จส่วนมากในสหรัฐอเมริกา
คือคนที่ใช้ “ทฤษฎี”
ขับเคลื่อนการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ
“ทฤษฎีให้กำลังใจ”
เป็นทฤษฎีที่ผมพบว่าใช้ได้ผลดี ใช้ได้จริงๆ
และควรบอกต่อกัน ทุกวงการให้วงกว้าง
--------
ผมเอง ผ่านประสบการณ์ทำงาน
ในชีวิตจริงมามาก หลากหลายวงการ
ประสบความล้มเหลวก็เยอะ
ประสบความสำเร็จก็นับไม่ถ้วน
มาคิดพิจารณาดู
เพราะผมใช้ “ทฤษฎีให้กำลังใจ”
วิธีทำ จะเห็นผล จะใช้ได้ผล
ก็ตอนที่เราแก้ปัญหาไม่ตก
แก้โจทย์ยากไม่สำเร็จ
ก็จะเสาะแสวงหา “กำลังใจ”
==================
สังคมไทย ในวงการที่ผมอยู่ และส่วนมาก
เป็นเรื่องแปลก
“การให้กำลังใจ”
เป็นสิ่งที่หาได้ยากเย็นยิ่งนัก
ผมเชื่อว่าหลายคนเคยเจอ
มุ่งหน้าไปขอความช่วยเหลือ
ขอการสนับสนุน ออกปากขอใคร
มีแต่คนแทนที่จะให้กำลังใจ แทนที่จะช่วยเหลือ
ผลที่เกิดขึ้นคือ มีแต่คนที่จับผิด คิดลบ คิดร้าย
จ้องดับฝัน พูดเพื่อทำลายความฝัน ด้อยค่างานท่าน
ไม่ให้เหลือความหวังอะไรเลย
================
ทฤษฎีให้กำลังใจ ที่ผมพบว่าใช้แล้วได้ผล
มีเคล็ดลับดังนี้ ไม่ยาก
ข้อแรก ใช้หลักอริยสัจจ์ ๔ คิด
กำลังใจคืออะไร? กำลังใจจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ด้วยตัวเราเอง หรือต้องพึ่งพาคนอื่น?
การสกัดคน ดับไฟที่ทำลายกำลังใจ ต้องทำด้วยวิธีการอะไรบ้าง?
มีกี่วิธี ?
จะลงมือทำอย่างไรบ้าง ?
ให้เกิดกำลังใจ?
ข้อ ๒ ฟังเยอะๆ คิดเยอะๆ
นำสิ่งที่ “ฟังและคิด” มาฟังซ้ำ มาคิดซ้ำ ทบทวนไปมา
พอทำซ้ำๆ มากๆ เข้า จะพบ “แสงสว่าง” ที่ทำให้เกิด “กำลังใจ”
ที่จะนำและทำให้สำเร็จตามแผนที่วางไว้
ตามเป้าหมาย ที่ตั้งไว้
ข้อ ๓ กำลังใจ เกิดได้ ๒ วิธี
วิธีแรก R&D คือ Research & Development
วิจัย ค้นคว้า วิเคราะห์ วิจารณ์
จนนำมาซึ่ง “ตัวแบบ” “ต้นแบบ”
ที่นำไปสู่ “การออกแบบ”
และ “พัฒนา”
ฝึกฝน ฝึกตน ฝึกอบรม ฝึกหัด
จนนำมาซึ่งกำลังใจ
อีกวิธีได้ผลดี เรียกย่อๆ ว่า “ต่อยอด”
โดย C&D คือ Copy & Development
การลอกเลียน เลียนแบบ
จนเกิดการ “เรียนรู้”
ขบคิดจน “ตกผลึก”
แล้วนำไปสู่ “การพัฒนา”
ปรับเปลี่ยน “นิสัย” “อุปนิสัย”
และ “พฤติกรรม” ที่นำไปสู่ “ความสำเร็จ”
ข้อ ๔ รวบรัด ตัดตอน ต่อยอด เร็วที่สุด
นั่นคือ คบหา คุยกับคนที่เป็น
“คนที่ดี” “คนที่เก่ง” “คนที่สำเร็จ” “คนที่มีความสุข”
รวมถึงคนที่ “ใจกว้าง”
พยายามเสาะแสวงหา คนที่มีคุณสมบัติ ๕ ประการในตัวคือ
“ดี-เก่ง-สำเร็จ-มีความสุข-ใจกว้าง”
เพราะจะย่นย่อระยะเวลาสิ่งที่เราคิดและคาดหวัง
อย่าเสียเวลาคบหา คุ้นเคย อยู่ใกล้ชิด คนที่
คิดลบ คิดร้าย จ้องจับผิด ไม่สร้างสรรค์
มองโลกแง่ลบ มองคนแง่ร้าย
คนที่นิสัย หมั่นไส้ อิจฉาริษยา ชอบเลื่อยขาคน
ชอบด้อยค่าคน ชอบยกยอปอปั้นตนเอง
คนที่หลงตัวเอง คิดว่าตนแน่ ตนเก่ง อยู่คนเดียว
คนที่ปิดใจ ไม่อัพเดต ไม่ฟังความเห็นใคร
เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง
คนที่มองอะไร ไม่รอบด้าน ไม่ ๓๖๐ องศา
ข้อ ๕ ความสำเร็จไม่มีปาฏิหาริย์
ข้อกำหนด “ทฤษฎีให้กำลังใจ”
จากความเป็นจริง
ในทุก ๑๐๐% มีคนที่ดูหมิ่น ด้อยค่า
เยาะเย้ย ถากถาง พูดจาฟังแล้วหดหู่
ท้อแท้ สิ้นหวัง รอบตัวเรา
คนที่ดับฝัน ทำลายความหวังเรา
มีมากมายมหาศาลถึง ๘๐%
อย่าเสียเวลาพูดคุย สื่อสารคนเหล่านี้
เพราะต่อให้ท่านประสบผลสำเร็จแค่ไหน
คนเหล่านี้ก็ไม่มีวัน ย้อนกลับมาสนับสนุนท่าน
เลือกได้ เดินคนละเส้นทาง เดินออกจากชีวิตคนพวกนี้
อย่าเสียเวลา เสียเงิน เสียความรู้สึกที่จะคบหา
คนที่วางตัวเป็นกลาง ไม่ยินดียินร้ายกับเรา มีมากถึง ๑๙%
พยายามดึงคนเหล่านี้มาเป็นมิตร
เหลือคนที่ใช้ทฤษฎีให้กำลังใจ
พูดจาให้กำลังใจเรา
สนับสนุนการเงินเรา
ช่วยเหลือเราจริงจัง น้ำใสใจจริง
คนเหล่านี้ รอบตัวเรา มีน้อย อาจมีเพียงแค่ ๑%
หาคน ๑% ที่พูดให้กำลังใจเรา
คิดบวกกับเรา ไม่อิจฉาริษยาเรา ไม่หมั่นไส้เรา
ไม่แทงเราข้างหลัง
เป็นคนที่เต็มใจที่จะซัพพอร์ตเรา
ตั้งใจที่จะสนับสนุนเรา
แน่วแน่ที่จะอุปการะ อุปถัมภ์ อุดหนุนเรา
ให้เราแบบไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไข
หาคนแบบนี้ ให้เจอ
มีอยู่ทุกวงการ ไม่ใช่ไม่มี
ข้อสุดท้าย จากข้อที่ผ่านมา
อย่าไปคิด อย่าไปฝัน อย่าไปหวังว่า
วางแผน ทำโครงการอะไร ใดๆ แล้ว
จะมีคนช่วยเหลือ สนับสนุนเรา
มากมายถึง ๘๐%
อย่าหวังลมๆ แล้งๆ ว่า
คนอีก ๑๙% รอบตัวเรา
จะส่งเสริมเรา จะช่วยเหลือเรา
ข้อเท็จจริง ความจริงคือ
เราต้องใช้กำลังใจจากคนแค่ ๑%
ทำการที่เรา
คิด ฝัน หวัง จินตนาการเอาไว้ ให้สำเร็จ
------------
เท่าที่สังเกต คนที่มี “กำลังใจ” ที่ดี
ไม่เสียขวัญ ไม่เสียกำลังใจ
จะคิดอ่าน ทำการใดๆ ก็จะประสบผลสำเร็จ
แผนที่คิดไว้ ก็สามารถทำได้ลุล่วง
เป็นไปได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
เพราะ ๑% ที่เจอ เป็นเทวดาสัมมาทิฐิในร่างมนุษย์
วาจาก็ให้เกียรติเรา ให้กำลังใจเรา
การกระทำก็มุ่งสนับสนุนเรา ส่งเสริมเรา
อุปถัมภ์เรา อุปการะเรา
อุดหนุนการที่เราทำ
เต็มที่ เต็มใจ เต็มร้อย เต็มกำลัง
ไม่ขัดขวางเรา ไม่สกัดเรา
ไม่ดับฝันเรา ไม่ทำลายความฝันเรา
ไม่กีดกันความหวังเรา ในการที่เราทำ
ส่วนคนที่ขาด “กำลังใจ” ก็จะได้รับผลในทางที่ตรงกันข้าม
คือแผน ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
สุดท้าย สิ่งที่พากเพียร พยายาม ทุ่มเท
มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง ก็ไม่ประสบผลสำเร็จตามที่คิดเอาไว้
และวางแผนเอาไว้
สุดท้าย เจ๊ง-เจ็บ-จน
เพราะเจอแต่คนที่ เค็ม-เหนียว-เขี้ยว-เบี้ยว
เจอมนุษย์ที่เป็น เทวดามิจฉาทิฐิ

Comments

comments