คอลัมน์ How to Win
อาสัตย์ อาธรรม์
ศ. ดร. อุทิส ศิริวรรณ
Research Director MBA & DBA Program, Deming Business School, W.H. Taft University
หนังสือพิมพ์เชียงใหม่ธุรกิจ
วันพุธที่ 29 สิงหาคม 2555
อาสัตย์ เป็นคำตรงข้ามกับความสัตย์หรือ “สัจจะ” ในแวดวงการเมืองพบเห็นเรื่องราวเช่นนี้มาก
ส่วน อาธรรม์ เป็นคำที่มีความหมายแตกต่างจาก “ธรรม์” โดยสิ้นเชิง
คนอาสัตย์ คือคนตระบัดสัตย์ โบราณสอนกันว่า “การไม่คบคนพาล” ถือเป็นมงคลชีวิตชั้นสูงสุด
หลายคนที่เจ๊ง เจ็บ จน เป็นเพราะคนรอบข้าง ตระบัดสัตย์ ปราศจากคุณธรรมน้ำมิตรในดวงจิต
หลายคนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เดือดร้อน เพราะไปค้ำประกันช่วยเหลือคน “อาสัตย์” “อาธรรม์”
คนที่ทำกิจการ SMEs จะเติบโตก้าวหน้า ต้องหลีกเลี่ยงคนอาสัตย์อาธรรม์ให้ได้
ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ กับการสรรหา คัดเลือก เฟ้นหา “คน” ที่จะมาทำงานด้วย
ต้องหาคนที่จีนแต้จิ๋วเรียกว่า “เหลาซิก” แปลว่าคนซื่อสัตย์ จึงจะไม่ “เจ๊งบ๊ง”
คนเหล่านี้ ดูยาก ยึดหลัก “หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” คบไปนานๆ ทำความรู้จัก คุ้นเคย ได้พบ ได้เห็น ได้สัมผัส ถึงจะดูออก ว่าเขาหรือเธอเป็นคนอาสัตย์ อาธรรม์ พาล อันธพาลหรือไม่?
คบคนให้ดูหน้า ซื้อผ้าให้ดูเนื้อ นี่คือหลักการสังเกตคนอาสัตย์ อาธรรม์
คนที่ไม่รักษาคำพูด ไม่มีเหตุผล ตกเป็นทาสอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง นี่คือคนอาสัตย์ อาธรรม์
ปูมหลังปูมโหรแบบว่า พ่อแม่ตามใจสุดๆ ลูกคนเดียว ไม่ฟังความคิดเห็นใคร นี่ก็น่ากลัว!!!
แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้ดวงจิต ดังคำโบราณว่า “รู้หน้า ไม่รู้ใจ”
หลักสังเกตคนอาสัตย์ อาธรรม์ ข้อแรกคือ “หลักคิด”
คนเหล่านี้ ไม่เคยคิดถึงบุญคุณใคร ไม่เคยซาบซึ้ง คิดเอาตัวเอง ผลประโยชน์ตัวเป็นที่ตั้ง คิดแย่งซีน ขโมยงานคนอื่น คิดหาทางฉก ชิง ลัก ล้วงเงินในกระเป๋าคนรอบตัวตลอดเวลา ตุกติกเรื่องเงิน ไม่โปร่งใส
หลักต่อมาคือ “หลักพูด” คนอาสัตย์อาธรรม์ ส่วนใหญ่ พูดเพราะ พูดดี เสมือนว่านิสัยดี ปากหวาน หว่านล้อมเก่ง หลอกให้คนมาเหนื่อยเปล่า เสียเงิน เสียเวลา เสียพลังงาน ใครเจอแบบนี้ให้ระวัง!!!
เพราะต่อไปก็จะเริ่มด้วยการพูดใส่ร้ายป้ายสี อิจฉา ริษยา ใส่ความ กล่าวหา พูดด่าว่า นินทาลับหลัง
หลักสุดท้ายคือ “หลักทำ” คนอาสัตย์ อาธรรม์ จะลงมือทำร้ายเราแบบเนียนๆ ดังคำโบราณว่า “ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ”
ยิ่งคนมีกิจการใหญ่โต ผลประโยชน์มหาศาล ลูกน้องมากมาย ยิ่งต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
เพราะลูกน้อง จะมาจากร้อยพ่อพันแม่ หลายก๊ก หลายเหล่า คุมไม่ดี วงแตกเอาง่ายๆ
โดยเฉพาะถ้าขืนปล่อยให้คนอาสัตย์ อาธรรม์ เป็นใหญ่ในหน่วยงาน ก็จะเล่นพรรค เล่นพวก เล่นงานคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หรือจ้องเลื่อยขา ในวันที่ “ผลประโยชน์” ไม่ลงตัว ไม่เป็นไปดังที่คาดหวัง!!!
คนเหล่านี้เมื่อไม่ได้ดังหวัง ลายก็จะออก จะแสวงหาแนวร่วม เกาะกลุ่ม เป็นขบวนการ สร้างกระแส จับผิด หาหลักฐานพยานวัตถุ พยานบุคคล พยานเอกสาร เพื่อเล่นงานคนที่ตนอาฆาตมาดร้ายให้ถึงที่สุด
นายใหญ่หลายคนมีความผิดทั้งแพ่ง ทั้งอาญา เสียชื่อเสียง รุนแรงสุดคือทำให้ไม่มีแผ่นดินจะอยู่!!!
เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์ ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกคนทำงานในองค์กร ในตำแหน่งสำคัญมาก ถึงขั้นต้องให้ “ซินแส” ดูโหงวเฮ้ง ดูตัว เพื่อมิให้พบกับคนที่อาสัตย์ อาธรรม์ เป็นพาล
ชั่วชีวิต ต้องเลือกเฟ้นค้นหาคนมีสัจจะ มีธรรมะในใจ ก็จะพาไปสวรรค์ คนอาสัตย์ อาธรรม์ คนพาล ก็จะพาไปลงนรก
สวรรค์ในอก นรกในใจ อยากไปทางไหน ชีวิตคนเรา เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินด้วยตัวเราเองครับ