167. คนจะรวยต้องเปลี่ยนวิธีคิด

คอลัมน์  How to Win
คนจะรวย ต้องเปลี่ยนวิธีคิด

ศาสตราจารย์  ดร. อุทิส  ศิริวรรณ

6 สิงหาคม 2557

“คนทั่วไปมักจะสอนลูกหลานให้อยู่รอด แต่คนรวยมักจะสอนลูกหลานให้รวย”

ดร. วีรพงษ์-ทิวัตถ์ ชุติภัทร์ หนังสือ “อยากรวยต้องเปลี่ยนวิธีคิด”

 

               กว่าสิบปี ผมเคยยึดติดค่านิยม “ทำงานหนัก”

บรรพบุรุษผมมาจากเมืองจีน เผชิญความยากลำบาก ต่อสู้ชีวิต ปากกัดตีนถีบ

ใช้ชีวิตเป็นไปตามทฤษฎี “หนูถีบจักร” ก็เหมือนคนจีนทั่วไป ต้องเอาหยาดเหงื่อแรงงานเข้าแลก ทำงานหนักกว่าจะได้เงินใช้แต่ละบาท   หุงข้าวหม้อเดียว กับอย่างเดียว 6-7 คนรุมกินกันทั้งบ้าน!

เป็นไปตามหลักที่ผมชอบพูด “หยาดเหงื่อแรงงาน”

เผชิญสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่หลายครั้ง พบวิกฤตหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่า บ่อยครั้งไม่มีอะไรกินต้องตั้งกระทะเอาน้ำปลาผสมน้ำเปล่าโรยพริกไทย ค่อยๆเคี่ยวจนแห้ง แล้วก็เอามาคลุกข้าวเคล้าน้ำตา รันทดชีวิต

นี่คือสภาวะ “หยาดเลือดหยดน้ำตา” ที่เผชิญ แต่พวกเรา 5 พี่น้องก็ยังรักใคร่สามัคคีปรองดองต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายร่วมกันกระทั่ง เติบใหญ่ โตมาได้ก็เพราะใช้ “มันสมองสองมือ” ต่อสู้เอาชนะความยากจนข้นแค้น ที่ไม่ว่าจะมองไปทิศทางใดก็เห็นแต่ครอบครัวที่เผชิญสภาวะไม่แตกต่างกัน
กว่าจะค้นพบ “ข้อมูลและโอกาส” ที่เข้าสู่ชีวิต ก็ต่อเมื่อได้ไปใช้ชีวิตทำงานในมหานครนิวยอร์ก ทำให้ได้ค้นพบ “โอกาสทอง”  ซึ่งนำไปสู่สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า “ความสำเร็จ”
แม้วันนี้ จะเดินมาไกลจากจุดนั้นแล้ว แต่ผมและพี่ๆ พวกเราก็ไม่เคยลืมเลือน “ความยากลำบาก” ที่เคยได้รับ เคยเผชิญ เคยเจ็บปวด จำไว้เป็นบทเรียนสอนตน ทั้งไม่อยากเห็นสภาวะดังกล่าว เกิดกับใครอีก

ผมมาคิดทบทวนว่า เด็กสมัยนี้ สบายกว่ารุ่นผมที่อยู่ในช่วงวัยกลางคน จากเลข 4 ปลายๆ สู่เลข 5  และจะย่างเข้าสู่ช่วงบั้นปลายชีวิตคือเลข 6 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

11 สิงหาคม 2559  รัฐบาลจะค้ำประกันเงินฝากเพียงแค่ 1 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้ แต่ละท่าน สมควรที่จะได้วางแผนชีวิตไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอีกเพียงแค่ 2 ปีเศษ

ระยะนี้ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ “มหาบุรุษ” ผู้นำทางความคิดท่านหนึ่งคือ ท่านอาจารย์เอกภพ เหล่าลาภะ นักธุรกิจอิสระ “บริษัทนิวเวย์ส (ประเทศไทย)” นวัตกรรมน้ำแร่และวิตามิน “แม็กซิโมลด์โซลูชัน”

จากการแลกเปลี่ยนสนทนากัน ได้แง่คิดที่เป็นมุมมองน่าสนใจหลายเรื่อง

ประการแรก ต้องเปลี่ยนวิธีคิด จากคิดแบบ “คนพิการ” ง่อยเปลี้ย เสียขา อยู่แบบคนงอมือ งอเท้า กินเงินเดือนประจำไปวันๆ ก็ต้องกล้าลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองสู่วิถีและเส้นทางใหม่ๆ

คนที่ค้นพบ “วิถีสู่ชัยชนะ” คือคนที่กล้าเปลี่ยนวิธีคิด อย่าคิดแบบเดิม ได้ผลเดิม ต้องกล้าคิดและทำในสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม และกล้าทำหลายอย่าง เพื่อได้ผลสำเร็จที่แตกต่างและไม่เหมือนเดิม
ประการที่ 2 ต้องเปลี่ยนวิธีทำงาน จากคิดแค่ “งานบริการ” หรือ “งานราชการ” ที่อยู่ไปวันๆ รอวันเกษียณ ก็ให้มองหางานเสริม และรายได้เสริม เปลี่ยนงานเสริมเป็นงานหลัก และรายได้เสริมเป็นรายได้หลัก ซึ่งวันนี้เมืองไทย มีหลายชิ้นงานที่สามารถเปลี่ยนเส้นทางชีวิตให้ค้นพบงานใหม่ และรายได้ใหม่เป็นอันมาก
ประการที่ 3 ต้องกล้าคิดริเริ่ม เรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ  ต้องออก เดินทางค้นหา เสาะแสวงหานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยให้ คิดเร็ว ทำงานเร็ว เห็นผลเร็ว ซึ่งมีหลายงานที่ต้องการเราเข้าไปร่วมงาน แต่ท่านต้องสกรีนคนและองค์กรให้เข้มงวดโดยยึดหลักพิจารณาจาก “ผลงาน-สินค้า/บริการ-แผนงาน/โครงการ-คน/องค์กร-เงื่อนไขการเป็นหุ้น ส่วน-ความเป็นไปได้”
ประการที่ 4 ต้องทำลายสถิติเดิมๆ ที่ท่านมี อย่ายึดติด อย่าพอใจกับ “อดีตชาติ” ที่ท่านมี ความสำเร็จแบบเดิมๆ ที่ท่านคิดว่าดีที่สุด  ถึงวันนี้อาจล้าสมัย ตกยุค อย่าอัตตาสูง ยึคติดความสำเร็จแบบเก่า อย่ายึดติดกับ “ผลงาน” และ “ผลสำเร็จ” ในอดีต ต้องอยู่กับ “ปัจจุบัน” และค้นหา “อนาคต” เฟ้นหางานที่จะทำให้ท่านมีรายได้มีหลักประกันความมั่นคง และความมั่งคั่งแบบยั่งยืน
ทั้ง 4 ประการ เป็นวิถีสู่ชัยชนะ ที่ฝากไว้ สำหรับคนที่ต้องการกลยุทธ์สู่ชัยชนะยั่งยืนครับ

 

Comments

comments