ทฤษฎีบททดสอบความเฮง
ศาสตราจารย์ ดร. อุทิส ศิริวรรณ
คอลัมน์ How to Heng ต้นฉบับ 24 มิถุนายน 2557
เพื่อนๆ นักขายครับ คนเราจะดวงดี ดวงเฮงหรือไม่ อยู่ที่ “บททดสอบ” ที่ต้องเผชิญ
ผมพบว่า คนในโลก โดยย่อมีเพียง 2 แบบ แบบแรกเรียกว่า Cat Model อีกแบบผมขอเรียกว่า Dog Model
Cat Model คือคนที่เหมือนแมว รักอิสระ ไม่ให้ใครเป็นนาย เป็นตัวของตัวเอง หยิ่ง อวดดี มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่ก้มหัวให้ใคร ไม่เป็นมิตรกับใครง่ายๆ ไม่ไว้ใจใคร ระวังตัวตลอดเวลา ไม่ประจบสอพลอใคร ได้ดิบได้ดีก็ด้วยความรู้ ความสามารถ และฝีมือตนเอง ชอบเสี่ยง ชอบการเปลี่ยนแปลง
ส่วน Dog Model คือคนที่เหมือนหมา ชอบพึ่งพาอาศัยผู้นำ ชอบประจบสอพลอ เอาอกเอาใจนายเก่ง ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อนายและองค์กรที่ทำ ไว้วางใจนาย เชื่อคนง่าย ไม่ระมัดระวังตัว ได้ดิบได้ดีก็เพราะนายและองค์กรพาไป ไม่มีเป้าหมาย อยู่และทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ชอบความเสี่ยง ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
ส่วนคนอีกประเภทหนึ่งเป็นสายพันธุ์ผสมระหว่าง “หมา” กับ “แมว” มีลักษณะและอุปนิสัย 2 อย่างของสัตว์ 2 แบบที่กล่าวมาในตัว
ถ้าคนเป็นแบบใดแบบหนึ่งใน 3 แบบข้างต้น เราก็คงไม่ต้องเสาะแสวงหาคำตอบสู่ความเฮง
ในโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์ทุกผู้ ล้วนเผชิญ “บททดสอบ” และ “การทดสอบ” ที่ไม่เหมือนกัน
ผมพบนักขายระดับสูงท่านหนึ่ง ของบริษัทขายตรงแห่งหนึ่ง ท่านผู้นี้กว่าจะหยิบเงิน 2 แสนบาทเศษต่อเดือนได้ ก็ต้องใช้เวลาย่ำอยู่ในเส้นทางนักขายยาวนานถึงเกือบ 20 ปี
ท่านผู้นี้ทำงานล้มลุกคลุกคลานกับบริษัทขายตรงหลายเจ้า ได้เข้าไปเรียนรู้ ลองผิดลองถูก ทดสอบชีวิตกับบทเรียนที่แตกต่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าจะลืมตาอ้าปากได้ เหนื่อยจนแทบขาดใจ
แง่คิดที่น่าสนใจคือความเป็นนานาชาติ ท่านผู้นี้แนะนำว่าอยากเฮง อยากรวย ต้องหาสินค้าและบริการที่มีความเป็นอินเตอร์ หรือนานาชาติ เพราะจะมีระบบ ระเบียบ และหลักการที่เป็นมาตรฐาน น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะการจ่ายเงินค่าตอบแทน ที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม
ท่านเอ่ยปากยอมรับความจริงว่า หลังจากได้ผ่านบทเรียนทดสอบกับบริษัทขายตรงทั้งไทยและต่างชาติ ได้ข้อยุติในเบื้องต้นจากการทดสอบว่า แวดวงนี้มี 3 ตล
จะเฮงได้ ต้องทดสอบ “ตล” ให้ได้ครบทั้ง3 ตล
ตล แรกคือคำย่อของ “ตลาด” แน่นอนว่าตลาดของนักขายที่ต้องทดสอบ ต้องเป็นตลาดที่มีผู้บริโภคซื้อกิน ซื้อใช้ ได้ผล แนะนำ บอกต่อ ประเภทที่ตุนคน ตุนของ เดี๋ยวนี้หากินได้ไม่นาน และนักขายที่ต้องการความเฮงยั่งยืน ต้องหาตลาดแท้จริงซึ่งต้องระวังทีมขายที่เรียกว่า ตล 2
ตล 2 ย่อมาจากคำว่า “ตลก” ท่านเล่าจากประสบการณ์ที่ไปทำแบบฝึกหัดมาว่าได้เจอกับพ่อทีม แม่ทีมซึ่งส่วนใหญ่เหมือน “นักแสดงตลก” พูดให้สนุกขำขัน เอามันส์เข้าว่า แต่เอาเข้าจริงแล้ว หาสาระแก่นแท้ไม่ได้ เพราะตามมาด้วย ตล 3
ตล 3 ย่อจากคำคือ “ตอแหล” นักขายที่โชคร้ายไปเจอแม่ทีมหญิงและชายซึ่งคำว่า “ตอแหล” ซึ่งพจนานุกรมราชบัณฑิตแปลว่า “พูดเท็จ” หรือ “พูดปั้นเรื่อง” เพราะขายาวข้างเดียว ขยันเท่าไหร่ คะแนนก็ไม่ขยับ แถมถูกแม่ทีมหลอกด้วยเล่ห์เพทุบายต่างๆ นานา ซึ่งแวดวงนักขายเสื่อมเสียก็เพราะ “ตอแหล” นี่แหละ
ท่านผู้นี้เล่าให้ผมฟังถึงนักขายระดับนานาชาติคนหนึ่ง สามารถทำยอดขายได้จริงมีรายได้ถึงเดือนละ 35 ล้านบาทแต่ต้องใช้เวลานานถึง 12 ปีลงทะเบียนทดสอบความล้มเหลวกับบริษัทท้องถิ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายได้พบทีมดี แม่ทีมดี สินค้าดี และบริษัทดีระดับนานาชาติ ก็เลยสำเร็จได้ในท้ายที่สุด
อีกคนที่ท่านประทับใจก็เป็นคนต่างชาติเช่นกัน รายนี้ทำรายได้เดือนละประมาณ 12 ล้านบาทต่อเดือนและสำเร็จได้เร็วกว่ารายแรก รายนี้เดิมเคยขายประกันมาก่อน พอเปลี่ยนมาขายตรงก็ทำได้เร็ว ทำได้ง่ายและสำเร็จได้ในท้ายที่สุด และทั้ง 2 คนต่างเลือกทำกับบริษัทอินเตอร์ ไม่ทำกับบริษัทท้องถิ่น
แง่คิดบริษัทท้องถิ่นหรืออินเตอร์ เป็นประเด็นน่าวิจัยอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขายตรงในเมืองไทย
ผมรับฟังข้อมูลจากท่านเล่าแบ่งปันให้ฟังแล้ว สรุปสาระสำคัญของบททดสอบที่นำไปสู่ความเฮง ซึ่งคนในแวดวงอื่นๆ สามารถนำไปปรับใช้เพื่อเสริมความเฮง ความร่ำรวยได้ดังนี้
ประการแรก คนจะเฮงได้ต้องเคยล้ม คนที่ล้มเหลว เหมือนเส้นโค้งรูปตัว V ที่สะท้อนสัญลักษณ์ว่าคนเราตกต่ำไปเรื่อยๆ ถึงที่สุดแล้วชะตาจะพลิกกลับไปสู่ความเฮง ไม่มีคนล้มเหลวและซวยตลอดปีตลอดไป
ประการที่ 2 คนจะเฮงต้องเคยท้อ แต่ห้ามถอย ต้องทุ่มเทชีวิตและจิตใจอย่างจริงจัง ท้อได้แต่ห้ามถอย คนที่หยิบจับเงินนับสิบนับร้อยล้านบาทได้ คือคนที่เคยล้มเหลวด้วยกันทั้งสิ้น
ประการที่ 3 คนจะเฮงได้ต้องมีวิสัยทัศน์ต้องชัดเจน นอกจากจะชัดทั้งเป้าหมายแล้วก็ยังมีความฝันและความหวังที่เป็นรูปธรรม และต้องเป็นคนที่หมั่นทำบุญทำกุศลในรูปแบบหลากหลาย ไม่ท้อที่จะทำดี
เพื่อนๆ นักขายครับชีวิต บททดสอบความเฮงทั้ง 3 ข้อ ท่านสามารถนำไปปรับใช้ได้ และให้หลีกเลี่ยง ตล-ตลก และตล-ตอแหล เจอแต่ทีมจริงและบริษัทจริง ท่านก็จะเฮงๆ รวยๆ ได้ไม่ยากครับ