แง่คิด
๒๑ มีนาคม๒๕๕๗
ผลสำเร็จด้านการศึกษาสูงสุด
คือคุณวุฒิปริญญาเอก
ที่เรียนยากลำบากกว่าจะจบจากUSA
ปกติผมจะไม่พูดถึงตัวเองให้ใครรู้สึกหมั่นไส้
ผมสังเกตว่าคนที่ชอบพูดถึงตัวเองเหลียวซ้ายก็มีคนเกลียด
แลขวาคนก็ริษยาก้มหน้าก็อิจฉาเงยหน้านายก็ไม่หนุนเพราะเกินหน้าเกินตา
ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัยจะมีคนคอย
จับผิด_ใส่ร้าย_ใส่ความ_หมั่นไส้_หาเรื่อง
แต่ก็จะมีคนอีกกลุ่มที่อยากรู้จักวิสสาสะมักคุ้นสนิทสนมคุ้นเคยเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่นับญาติ
นานาจิตตัง ดีก็ดีให้จริงเก่งก็เก่งให้จริง ถึงที่สุดใครก็อยากคบคนมีคุณวุฒิ_คุณภาพ_คุณธรรม
แค่คุณวุฒิ_คุณสมบัติ มัดใจคนไว้ไม่ได้นาน
Doctor of International Business Administration
แปลเป็นไทยว่า “บริหารธุรกิจระหว่างประเทศดุษฎีบัณฑิต”
มหาวิทยาลัยที่ไปเรียนตั้งอยู่ที่เมืองฟอร์ธ ลอเดอเดล รัฐฟลอริดา
เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยงามมากติดชายทะเลคล้ายมหาวิทยาลัยบูรพา
ผมใช้เวลาเรียนและทำงานช่วงต้นในอเมริการาว ๘ปี (๒๕๓๗-๒๕๔๔)
กว่าจะจบเพราะพ่อแม่ไม่รวยต้องยืนบนลำแข้งต่อสู้กับโชคชะตาเพียงลำพัง
หลายครั้งที่ท้อแท้อับจนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับปัญหาค่าครองชีพเศรษฐกิจจนไม่คิดจะสู้ชีวิตต่อไป
แต่ยามที่ท้อแท้เพราะค่าใช้จ่ายสิบล้านบาทเศษจะหามาจากไหนก็มี”นิมิตร” จากเทพสังหรณ์ไม่ใช่จิตนิวรณ์ สุดท้าย
ด้วยพลังแห่งศรัทธาต่อการศึกษาที่ผมจะตั้งใจเอาชีวิตเป็นเดิมพันไม่ จบดร.ก็ไม่กลับเมืองไทย กอปรกับพลังลึกลับ
บางอย่างจากพระแก้วมรกต หลวงพ่อสด และหลวงพ่อโสธรรวมถึง “พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว” ผมก็ได้
รับพลังที่พูดไม่ได้ยากจะอธิบายและได้หวนกลับมาสู้กับความขัดแย้งใน ใจระหว่างจะตั้งหน้าตั้งตาเรียนหรือจะมุ่งไป
ที่make money หาเงินให้รวยอย่างเดียวไปเลย
ยุคนั้นเพื่อนๆที่ไปทำงานอย่างเดียวทุกคืนกลับที่พักเขามีเงินดอลลาร์มาอวด วันละสี่ห้าพันบาท ผมเองมีแต่ตำรา
และหนังสือเรียน เงินไหลออกทุกวันที่ไหลเข้าน้อยมากจนน่าใจหายบัญชีติดลบตลอด ค่าเทอมก็แพงมากแต่ก็ทู่ซี้กัด
ฟันหาค่าเทอมส่งเสียตัวเองจนเรียนจบปริญญาโท และเอกจากอเมริกาได้
แน่นอนว่าเสียงเยาะเย้ยถากถางจากคนรวยเพราะทำงานรอบตัวย่อมดังกลบคนเอาแต่ เรียน สังคมคนทำงานกับคน
เรียนมีมุมมองที่แตกต่างกันเป็นเส้นขนานยากบรรจบบนเส้นทาง เดียวกัน
คนทำงานมองว่าไม่จำเป็นต้องเรียน
ส่วนผมมองว่างานกับเรียนต้องไปด้วยกัน
ยามนั้นผมต้องใช้ “ขันติ” และ “อธิษฐาน” ตั้งใจแน่วแน่เดินเส้นตรงสู่การเป็นดร.ด้านบริหารธุรกิจไม่เปลี่ยนใจ ไม่
ลังเล ไม่วอกแวกไม่ย้อนกลับ จะให้บินกลับไทยโดยเรียนไม่จบจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน?
บางครั้งไปทำงานร้านอาหารและงานอื่นๆหาประสบการณ์ก็พบว่าเงินน่ะหาง่ายมาก แต่ความรู้สิหายาก สุดท้ายแนว
คิดที่จะค้นคว้าหา”ความรู้” ก็ชนะ “เงินตรา”
เหนื่อยสายตัวแทบขาดครับเพราะต้องทำงานไปเรียนไปหาค่าเทอมไป และต้องเรียนปริญญาโทใบที่๒คือ MBA
สาขาการเงินและการประกันภัยเพิ่มอีกใบจากThe College of Insurance, New York, USA
เนื่องจากวุฒิปริญญาโทอักษรศาสตรมหาบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ใช่ สายบริหาร ต่อเอกทางบริหาร
เลยไม่ได้ไม่มีมหาวิทยาลัยใดๆรับสมัครไหนๆก็เสียเวลาแล้ว เรียนเพิ่มอีกใบไปเลย
วันหลังจะเล่ายาวๆให้ฟังว่ากว่าจะมีศักดิ์และสิทธิแห่งปริญญาแต่ละใบเหนื่อยและหนักหนาสักปานใด
ยิ่งสายการศึกษาทางธรรมคนส่วนใหญ่ก็รู้ผิวเผินเพียงแค่ผมจบป.ธ.๙ขณะเป็น สามเณรอายุน้อยมากเพียงแค่๒๑ปี
แต่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่าสาหัสสากรรจ์สักเท่าใดกว่าจะทำงานสอนไป เขียนตำราวิชาการไปเรียนไปนานถึง๙
ปีกว่าจะได้๙ประโยค
โชคดีตรงที่ประโยค๑-๒ท่านอื่นเรียน๒ปีแต่ผมเรียนแค่ปีเดียว
โชคร้ายตรงที่ตัองเสียเวลาเรียนป.ธ.๘ซ้ำ๒ปี
แต่สิริรวมก็๙ปี๙ประโยค บวกกับนักธรรมตรี_โท_เอกอีก๓ชั้น
ใช้เวลาเรียนทางธรรม๑๒ปี
ไม่มีฟลุกไม่มีปาฏิหาริย์ใช้บารมี๑๐ทัศต่อสู้เท่านั้นซึ่งได้แก่
ทาน_ศีล_เนกขัมมะ_วิริยะ_ขันติ_สัจจะ_อธิษฐาน_ปัญญา_เมตตา_อุเบกขา
ถ้าจบเร็วเกินก็คงไม่ได้รับ ๓ปริญญาตรี๓สาขาพร้อมกันเป็นคนแรกของคนไทยในปี๒๕๓๓ ให้วิกิพีเดียสารานุกรม
เสรีบันทึกเป็นประวัตินักการศึกษาดีเด่นครับ
แต่ดูเบื้องหลังสิครับกว่าจะสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี_โท_เอก_บาลีชั้น ประโยค๑-๒-ป.ธ.๓-๔-๕-๖-๗-๘-๙ โดยไม่
สอบตกเลยในยุคที่ปีหนึ่งสอบไล่กันเพียงแค่หนึ่งครั้งสอบตกก็สอบซ้ำ ชั้นอีกครั้งจนกว่าจะสอบผ่าน!
ตัวอย่างคนสู้ชีวิตจนได้ดีเป็นคนต้นแบบในดวงใจผมอีกคนคือ
เพื่อนรุ่นพี่ผมบางท่านเช่นพระเทพสาครมุนี(สมบูรณ์ ปัญญาวุโธป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาครวัดเจษฎาราม
สอบเฉพาะป.ธ.๘เพียงแค่ชั้นเดียวท่าน ต้องอดทนพยายามเข้าสอบซ้ำแล้วสอบซ้ำอีกติดต่อกันนานถึง๑๖ปี๑๖
ครั้งกว่าจะสอบ ผ่าน!
ไม่นับปัญหาและมรสุมชีวิตประเดประดังเข้ามาแต่ท่านก็อดทนและทนอดสู้ชีวิตจนได้ดี
คติประจำใจผมแต่ไหนแต่ไรเรื่อยมาจนถึงวันนี้คือ
“วายเมเถว ปุริโส ยาว อตฺถสฺส นิปฺปทา
เป็นคนควรพยายามจนกว่าจะประสบความสำเร็จ”
และแล้วด้วยผลแห่งความพยายามในปีที่๘แห่งความเพียรเพื่อเรียนรู้
ต่อสู้กับปริญญาทางโลกเฉพาะปริญญาโทกับปริญญาเอกในอเมริกา
ในที่สุดผมก็ถึงฝั่งแห่งฝัน ถ้านับรวมปริญญาตรีและโทในไทยสิริก็รวมได้๑๔ปี
กว่าจะเป็นดร.
“เกิดเป็นคนควรหวังอย่ายั้งหยุด
ใจจ่อจุดแน่วแน่ในแนวหมาย
หวังไว้เถิดหวังยั่งยืนมิคืนคลาย
ปราชญ์ทั้งหลายสมหวังเพราะตั้งใจ”
เล่าไว้ยาวๆใหัฟังว่า
นี่คือผลแห่งความพยายามฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามสู้ชีวิตจนได้ดี
เป็นที่มาของคนสู้ชีวิตที่มี
คุณวุฒิ-คุณภาพ-คุณธรรม
ที่แน่ๆ
อุทิสกับพรหมชยารัฐคือศาสตราจารย์คนเดียวกันและเป็นดร.คนเดียวกันครับ