134. คาราบาวโมเดล

คอลัมน์  How to Win

คาราบาวโมเดล

ศาสตราจารย์  ดร. อุทิส  ศิริวรรณ

5 กุมภาพันธ์ 2557

———–

“แล้วยิ่งถ้าเราเกิดขึ้นมาเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง แต่เราไม่เคยพูดอะไรให้กับสังคม ก็เท่ากับว่าเราเป็นคนที่ไม่มีประโยชน์ ”

ยืนยง โอภากุล, Thailand Cloning List

               ยามใดที่รู้สึกเครียด ยามที่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ในบางวันเวลาที่รู้สึกอ้างว้าง และอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ

เสียงเพลงเพราะๆ และเพลงที่มีความหมายดีๆ  ผมเชื่อว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในดวงใจของหลายคน

ผมเองก็ชอบฟังเพลง และฟังได้หลายแนว

ฟังได้ตั้งแต่ลูกทุ่ง สตริง ลูกกรุง ฝรั่ง ป๊อป ร็อก จีน ฝรั่งจนถึงเพลงเพื่อชีวิต

ถ้าว่าถึงเพลงเพื่อชีวิตแล้ว  ผมว่าเพลงของวงคาราบาว จะเป็นเพลงโปรดและอยู่ในใจของหลายคน

ผมเริ่มฟังเพลงคาราบาว ตั้งแต่อายุแค่หลักสิบขวบเศษ  เพลงที่ชอบและโดนใจวัยเด็กคือเพลง “ลูกหิน” ต่อด้วย “เมดอินไทยแลนด์”  “แม่สาย” และอีกหลายเพลง

เพลง “หลวงพ่อคูณ” เพลง “สุรชัยสามช่า”  หรือเพลงอย่าง “ราชาเงินผ่อน” ก็มีเนื้อหาน่าฟัง

พอๆ กับเพลง “เจ้าตาก” และเพลง “พระนเรศวรมหาราช” “องค์ดำ” “บางระจัน”
ซึ่งเพลง “เจ้าตาก” “บางระจัน” “องค์ดำ” “นายขนมต้ม” รวมถึง “อองซานซูจี” ได้รับการขอร้องห้ามนำไปร้องและแสดงที่พม่าในช่วงซีเกมส์ปีที่ผ่านมา

วิสัยทัศน์ผู้ก่อตั้งวงคาราบาวนั่นคือ “พี่แอ๊ด” หรือ “แอ๊ด คาราบาว” หรือ “ยืนยง โอภากุล” มีหลายเรื่องราวที่น่าสนใจ

แต่ผมจะเจาะลึกและนำเสนอเฉพาะประเด็นของการเป็นผู้ประกอบการ SMEs

กลยุทธ์สู่ชัยชนะของพี่แอ๊ด และวงคาราบาว สรุปได้ดังนี้

ประการแรก  วิกฤตในโอกาส  พี่แอ๊ดเป็นคนมองเห็นวิกฤตในท่ามกลางโอกาสเสมอ การเกิดเพลง “เมดอินไทยแลนด์” ท่ามกลางกระแสต่อต้านสินค้าเมดอินแจแปน เป็นกรณีศึกษาที่หาอ่านได้ไม่ยาก หรืออย่างการเกิดสินค้า “บาวแดง” ที่พี่แอ๊ดมองว่าชีวิตนักดนตรียามแก่เฒ่า สมควรจะมีธุรกิจเล็กๆ ที่เลี้ยงตัวเองบ้าง ก็เป็นแนวคิดไอเดียฝ่าวิกฤตที่พี่แอ๊ดและทีมกล้าคิด กล้าทำ กล้านำ กล้าเปลี่ยนจนนำไปสู่ความสำเร็จ

ประการที่ 2 ทีมเวิร์ก  การที่วงคาราบาว มีนักร้องนักดนตรีชั้นนำอย่างเทียรี เมฆวัฒนา เล็ก คาราบาว เขียว คาราบาว หรืออาจารย์ธนิสร์  ศรีกลิ่นดี เป็นการรวมตัวทำงานเป็นทีมที่น่าสนใจ เพราะมาจากคนที่มีความหลากหลาย แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการเป็นผู้มีอาชีพอิสระ เป็น SMEs เล็กๆ

วันนี้พี่แอ๊ดและทีมในวงคาราบาวเติบใหญ่กลายเป็นเจ้าของกิจการขนาดยักษ์ ไม่ใช่ SMEs แล้ว!

ประการที่ 3 การจัดการแบบฮอลลีวูด ผมมีข้อสังเกตว่า พี่แอ๊ดและทีม เป็นนักบริหารจัดการ “โครงการ” ที่ดี โดยเฉพาะการจัดอีเวนต์จัดคอนเสิร์ตการแสดง ซึ่งต้องประสานงานกันเป็นทีมคล้ายกับการจัดการของทีมถ่ายหนังฮอลลีวูดที่ ต้องติดต่อประสานงานทั้งตัวนักแสดง นักร้อง นักดนตรี นักขาย นักประสานงาน นักจัดกิจกรรม นักระดมทุน นักธุรกิจผู้สนับสนุนอย่างธุรกิจในเครือช้าง โรงแรม ที่พัก ฯลฯ

ถ้าไม่ได้ผู้นำที่เก่งและเจ๋งจริงแบบพี่แอ๊ด คาราบาว ก็ยากจะแจ้งเกิดได้เช่นนี้ ผมเคยคุยกับ ดร. มีศักดิ์ ญาณพันธ์ ซึ่งสนิทกับพี่แอ๊ด ก็ได้เล่าให้ฟังว่า ปัจจัยความสำเร็จของวงคาราบาวคือตัวพี่แอ๊ดนั่นแหละ

ปีนี้พี่แอ๊ดได้รับยกย่องให้เป็น “ศิลปินแห่งชาติ”  ซึ่งพี่แอ๊ดเคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า

สิ่งที่ควร “ฝัง” ลงไปใน “ยีน” ของมนุษย์คืออะไร? คำตอบคือ เรื่องความดีแล้วก็การให้อภัย

               เพราะว่าทุกวันนี้ โลกเราอยู่ด้วยการไม่ให้อภัย รู้จักแต่เอาชนะคะคานกัน โลกจะมีก็แต่ความวุ่นวาย

ความเห็นสั้นๆ ของพี่แอ๊ด น่าจะนำไปต่อยอดเพื่อทำธุรกิจ SMEs เล็กๆ ให้สำเร็จและยั่งยืนได้ไม่มากก็น้อยนะครับ ลองนำแนวคิดพี่แอ๊ดไปปรับใช้และเอาไปทำดู

Comments

comments