127. ยิ่งฝึกยิ่งเก่ง จริงหรือไม่?

ยิ่งฝึกก็ยิ่งเก่ง จริงหรือไม่?

ศาสตราจารย์  ดร. อุทิส  ศิริวรรณ

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2556

—-
“เราทุกคนล้วนมีความเก่งกาจอยู่ในตัว เราไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

ถึงจะพัฒนาความเก่งกาจให้ได้อย่างเต็มศักยภาพ”

                                                            Daniel Coyle : The Little Book of Talent (2012)

งานวิจัยการจัดการทรัพยากรมนุษย์ระดับโลก กำลังสนใจวิเคราะห์การทำงานของเซลล์ประสาทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “สมอง” เพื่อค้นหาคำตอบว่าอะไรคือปัจจัย อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนเราเก่งกาจ

ผลการวิจัยล่าสุดค้นพบความจริงว่าคนเก่งหรืออัจฉริยะส่วนใหญ่คือคนที่ช่วงเวลาสั้นๆ ช่วงหนึ่ง

ของชีวิตได้พบพานได้ทำงานใกล้ชิดคนเก่งจนเกิดแรงบันดาลใจและแรงจูงใจที่จะเป็นอย่างนั้น

“ช่วงจุดประกาย” ดังกล่าวก่อเกิดความคิดเล็กๆ แวบเดียวแต่ทรงพลังที่ผุดขึ้นมาในจิตใต้สำนึกว่า

“เขาทำได้เราก็ทำได้”  ทฤษฎีดังกล่าว สร้างคนให้สำเร็จได้รุ่นแล้วรุ่นเล่า รายแล้วรายเล่า

ไมอีลินเป็นฉนวนหุ้มใยประสาทในสมองคนเราคล้ายกับเทปพันสายไฟ มีหน้าที่สำคัญคือช่วยให้กระแสประสาทสัมผัสผ่านไปได้เร็วขึ้นเฉลี่ย 120 เมตรต่อวินาที
ในรอบร้อยปีเศษที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์มองว่าไมอีลินและเซลล์ประสาทที่กี่ยวข้องกับสมองไม่มีหน้าที่ อะไร เป็นเพียงแค่เยื่อหุ้มใยประสาทสมองคนเฉยๆ
ทว่าเป็นความเข้าใจผิดมหันต์ เพราะไมอีลินเติบโตตามสัญญาณประสาทที่ได้รับนั่นคือ “การฝึกฝน” งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดค้นพบว่าไมอีลินจะเพิ่มจำนวนมากมายตามชั่วโมง ที่คนเราฝึก
พูดให้ฟังง่ายๆ ยิ่งฝึกฝนฝึกหัดเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเท่าใด เยื่อไมอีลินก็หนาขึ้นเท่านั้น
และเยื่อที่หนาและมากขึ้นจะส่งผลให้สัญญาณประสาทเดินทางได้เร็ว ถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น !
การฝึกฝน ฝึกซ้อมบ่อยๆ ส่งผลให้ทักษะด้านต่างๆ เพิ่มพูนทวีคูณเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ!
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์กูเกิ้ล วิกิพีเดีย เฟซบุ๊ก อะเมซอน ฯลฯ ล้วนฝึกฝนตัวเองโดยกระตุ้นวงจรประสาทด้วยสัญญาณที่เหมาะสมเพื่อสร้างไมอีลิ นขึ้นมาหุ้มห่อสายส่งข้อมูลของตนเอง
การที่คนที่ยกตัวอย่างข้างต้นเหล่านี้แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปและสำเร็จได้ รวดเร็วกว่าเพราะมีระบบสายส่งข้อมูลสุดยอดสามารถรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วส่ง ผลให้พวกเขามีสายตาดี หูตาว่องไว
สายส่งไมอีลิน ทำงานรวดเร็วและส่งข้อมูลได้ครั้งละมากๆ  ทำให้คนเหล่านี้คิดเร็ว ทำสำเร็จได้เร็ว
ทฤษฎีไมอีลินเชื่อว่า “คนลงทำ” สำคัญยิ่งกว่า  เหนือกว่า “คนดีแต่พูด” หรือ “คนดีแต่คิด”
คนที่ลงมือทำจริงๆ คือคนได้ฝึกฝนการส่งสัญญาณไปตามระบบใยประสาท
ไมอีลินจะทำหน้าที่ “หุ้ม” สมองอย่างเดียวไม่คลายออก นี่เป็นเหตุผลเร้นลับที่ทฤษฎีไมอีลินช่วยให้ค้นพบคำตอบว่าทำไมคนเราเปลี่ยน แปลงนิสัยได้ยาก
ทฤษฎีไมอีลินยังยืนยันว่าคนเราสามารถเรียนรู้ได้จนตลอดชีวิต เราทุกคนสามารถสร้างไมอีลินขึ้นมาได้จำนวนมากและเร็วเป็นพิเศษในช่วงที่เรา กำลังเติบโตซึ่งจุดสูงสุดคือตอนอายุประมาณ 50 ปี
ผลการวิจัยสมัยใหม่ ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างจำนวนไมอีลินที่เพิ่มเร็วกว่าปกติและเพิ่มจำนวน มากขึ้นว่ามีส่วนสัมพันธ์กับการฝึกฝนและความเก่งที่เพิ่มสูงขึ้นในทักษะทุก ประเภท ทั้งการอ่าน การจำคำศัพท์ ดนตรี กีฬา การบริหารจัดการ การทำงานต่างๆ การเรียน รวมถึงความสำเร็จ
ทฤษฎีไมอีลินหักล้างทฤษฎีเก่าแก่ที่ปลูกฝังกันมานานและเชื่อว่า คนเรายิ่งฝึกก็ยิ่งเก่ง เพราะการฝึกนานๆ ไม่ได้ทำให้คนเราเก่งขึ้น มีทักษะเพิ่มมากขึ้น
แต่การฝึกไปสร้างจำนวนไมอีลินให้ทวีคูณรวดเร็วและมีจำนวนมากยิ่งขึ้น มีผลต่อยอดทำให้คนเราเก่งขึ้นกว่าเดิม สำเร็จได้เร็วกว่าเดิม เกินกว่าที่คนธรรมดาทั่วไปจะคาดคิด และนึกไม่ถึง !
อยากชนะก็จงฝึกสร้าง “ไมอีลิน” ให้มีมากยิ่งขึ้น เพื่อต่อยอดให้ทำงานได้เก่งกว่า ดีกว่า รวดเร็วกว่า เหนือกว่า สำเร็จชัดเจนกว่าคู่แข่งต่างๆ ทั้งที่เป็นอัจฉริยะ เป็นคนเก่ง และคนธรรมดาทั่วไปรอบตัวคุณ

Comments

comments