110. นอนเสื่อหยาบ เลียดีขม กินอาจม

คอลัมน์ How to Win

นอนเสื่อหยาบ เลียดีขม กินอาจม

ศาสตราจารย์ ดร. อุทิส ศิริวรรณ

วันที่ 24 เมษายน 2556

———–

ทุกครั้งที่รู้สึกท้อแท้ ผิดหวัง ล้มเหลว สิ่งที่ “นักสู้ชีวิต” ต้องทำคือหาเรื่องราวแรงบันดาลใจมาอ่าน เพื่อจุดประกาย จุดไฟ ให้มีความหวัง และกำลังใจ ต่อสู้ชีวิต

“ตะวันออกที่เมืองไทย” เรื่องราวท่านเจ้าสัว “ดร. ซิวซี แซ่ตั้ง” ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการจัดการสำหรับการเป็นผู้ประกอบการ แห่งมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี แนะนำให้หามาอ่าน

ท่านผู้นี้เป็นพ่อของลูกศิษย์ผมคือท่าน ดร. เฉลียว วิทูรปกรณ์ ท่านเป็นประธานกลุ่ม “บริษัทตะวันออกโปลีเมอร์อุตสาหกรรม” เคยทำนายามยากจน ตาบอด ล้มลุกคลุกคลานในหลากหลายอาชีพ

แต่ไม่เคยย่อท้อ จากชาวนาเมืองจีนกลายเป็นเจ้าสัวเมืองไทย กิจการมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท!!!

ตอนที่ผมประทับใจคือ “คำโคลงคู่จีนสอนใจ” ที่ศาลเจ้าสังฟองเหมี้ยว เมืองเกี๊ยกหยอง ที่ ดร. ซิวซีไปกราบไหว้ก่อนจากเมืองซัวเถามายังประเทศไทย คติที่ผมประทับใจมีหลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น

“ชั่วดีในที่สุดพึงต้องได้รับผลตอบแทน เพียงแต่จะมาช้ามาเร็วเท่านั้น”

ชื่อ “ซิวซี” คล้ายกับชื่อ 1 ใน 4 สาวงามแห่งจีนที่โลกยกย่องนาม “ไซซี” ผมคิดถึงการต่อสู้ชีวิต

เรื่องราว “นอนเสื่อหยาบ เลียดีขม กินอาจม” เป็นตำนานขมขื่นของกษัตริย์จอมราชันย์แห่งแคว้นเยว่พระนาม  “โกวเจี้ยน” ผู้ทนทุกข์ทรมานตัวเองด้วยการนอนบนที่นอนปูด้วยกองฟืน และชิมดีขมก่อนนอนทุกวันเป็นเวลาติดต่อกัน 13 ปี!


เยว่อ๋องโกวเจี้ยน หรือ เยว่หวางโกวเจี้ยน (จีน: 越王勾踐; พินอิน: Yuè Wáng Gōu Jiàn)
เป็นจ้าวผู้ครองรัฐเยว่ (State of Yue)
(ปัจจุบันตั้งอยู่ใกล้กับทางทิศเหนือของมณฑลเจ้อเจียง) เกิดในช่วงปลายยุคชุนชิว
สืบทอดตำแหน่งจ้าวรัฐจาก เยว่อ๋องหยุนช๋าง ผู้เป็นบิดา
เพื่อเตือนใจให้รำลึกถึงความอัปยศอดสู ครั้งที่พ่ายการศึกต่ออู๋อ๋องเจ้าแห่งแคว้นอู๋ และถูกจับไปเป็นเชลยศึกถึง 3 ปี ขมขื่นลำบากลำบนแค่ไหนก็ต้องทน เพราะต้องการที่จะแก้แค้นและกู้ชาติ จำต้องยอมทำทุกอย่างที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีเพื่อให้อู๋อ๋องไว้ใจ

คราวหนึ่งอู๋อ๋องปวดท้อง บรรดาหมอหลวงทั้งหลายไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โกวเจี้ยนกษัตริย์แห่งแคว้นเยว่ถูกคัดเลือกให้ “ชิม” อุจจาระของอู๋อ๋องต่อหน้าเสนาธิการทั้งปวงทำให้เสื่อมเกียรติ เสียชื่อเสียง และได้รับความอับอายขายหน้าเป็นอันมาก แต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทน เพราะยามนั้น “แพ้”

ชิมลิ้มรสอึครั้งแรกครั้งเดียวในชีวิต “กษัตริย์ผู้แพ้” ได้บอกต่อที่ประชุมว่าพระวรกายเย็นเกินไป หากได้ดื่มสุราและทำร่างกายให้อบอุ่นขึ้นก็จะมีอาการดีขึ้นเอง ซึ่งเมื่อทำตาม “ท่านอ๋อง” ก็หายประชวร

กษัตริย์แห่งแคว้นอู๋เห็นว่าโกวเจี้ยนมีความจงรักภักดีจึงปล่อยตัวกลับคืนสู่แคว้นเยว่

เมื่อได้รับอิสรภาพกลับสู่แคว้นเยว่ โกวเจี้ยนก็วางแผนกับฟ่านหลีที่จะกู้ชาติทันที รวม 3 คนเป็นแกนนำ โดยมีฟ่านหลีเป็นมหาอำมาตย์คอยให้คำปรึกษาหลัก ร่วมกับ เหวินจ้ง  ฟ่านหลีและเหวินจ้งได้เสนอแผนการ 3 อย่าง คือ

1) ฝึกฝนกองกำลังทหารให้เข้มแข็ง เตรียมการ เตรียมพร้อม สร้างกองทัพให้สามารถต่อสู้ได้

2) พัฒนาด้านกสิกรรมให้เสบียงอาหารพร้อมเพรียง ไม่ขาดตกบกพร่อง กองทัพเดินได้ด้วยท้อง

3) อุบายส่งสาวงามไซซี เพื่อให้อู๋อ๋องฟูไชลุ่มหลงมอมเมา และเพื่อสืบข่าวจนทำให้รัฐอู๋เสื่อมอำนาจ

สาวงามที่ “ยินดี” และ “เต็มใจ” ปฏิบัติการคือ “ไซซี” 1 ใน 4 สาวงามอมตะแห่ง “แดนมังกร” “นางผู้รู้ใจ”
ของท่านมหาอำมาตย์” “ฟ่านหลี”

ส่วนท่านอู๋อ๋อง หลังชนะการศึกก็เกิดความเย่อหยิ่งลำพองใจ วัน ๆ เอาแต่มั่วโลกีย์กับ “ไซซี” สาวงามที่แคว้นเยว่ส่งมาปรนเปรอ

วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่าที่คนระดับ “กษัตริย์” อย่างท่าน “โกวเจี้ยน” ผู้พ่ายแพ้ ต้องทนกับสภาวะหน้าชื่นอกตรม
ยามตกทุกข์ได้ยาก

ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า “Winner never quit” เจ้า “โกวเจี้ยน” ผู้พ่ายแพ้ได้เฝ้าคอยโอกาสตลอดเวลาและเพื่อไม่ให้ลืมความขมขื่นในครั้งที่ตก เป็นเชลยรัฐอู๋ โดยได้ทรมานตัวเองด้วยการนอนบนที่นอนที่ปูด้วยกองฟืน และเลียดีขมก่อนนอนทุกวันเป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 13 ปี!!!

เพื่อพิจารณาตนเอง ตักเตือนตนเอง สั่งสอนตัวเองให้เข็ดหลาบจดจำกับการเป็น “ผู้แพ้” !
จะทำการใด ๆ ให้เอาความ “พ่ายแพ้” เป็นบทเรียน อย่าทำผิดซ้ำๆ ซากๆ อีก!!!

เมื่อพร้อมรบ โกวเจี้ยนก็กรีฑาทัพบุกแคว้นอู๋อีกครั้ง ศึกครั้งนี้ท่านอู๋อ๋องสู้ไม่ได้ จำต้องปลิตชีพหนีอาย!!!

ภายหลัง ไซซีสาวงามก็ได้หายตัวไปพร้อมกับมหาอำมาตย์ฟ่านหลี กุนซือคนสำคัญของโกวเจี้ยน บ้างก็ว่าทั้งคู่ได้เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ และไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ทะเลสาบซีหู

“ฟ่านหลี” หรือ “เถาจูกง” ผู้บริหารจัดการบนพื้นฐานความพอเพียง พอเหมาะ พอควร พอประมาณ
ยึดหลักการ “เขาอยู่ได้ เราอยู่รอด”

ฟ่านหลี บริหารความโลภเป็น ไม่ทะเยอทะยาน ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ได้ขอลาออกจากทุกตำแหน่ง และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “เถาจูกง” สร้างผลงานสำคัญอมตะ “Golden Rules of Business Success” มีเนื้อหารวบรวมหลักของการค้าขายเป็นกฎทอง 12 อย่างที่พึงกระทำ และกฎทอง 12 อย่างที่ควรหลีกเลี่ยง และได้ทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเทพเจ้าแห่งการค้า ในเวลาต่อมา

บางครั้ง ชีวิตก็เหมือนนาวาลำเล็กกลางมหาสมุทร ต้องเผชิญมรสุมพายุคลื่นทะเลสาดซัด

30% ลิขิตฟ้า 70% ลิขิตตน ล้มแล้วรีบลุกขึ้นต่อสู้ อย่ายอมจำนนชะตาฟ้าดิน แล้วก็จะโชคดีมีชัย!!!

 

 

เถาจูกงนำเสนอ

กฎทอง 12 อย่างที่ธุรกิจพึงกระทำ:

1) Ability to know people’s character. You must perceive evidence of characteristics from experience.

ทักษะในการดูคน ต้องรู้จักนิสัยใจคอของบุคคลจากประสบการณ์

2) Ability to handle people. Never prejudge a prospect.

ทักษะในการจัดการคน อย่ารีบด่วนตัดสินคนล่วงหน้าด้วยอคติความลำเอียงที่มีในใจ

3) Ability to stay focused on the business. Have a definite focus in life and business and avoid jumping around.

ทักษะในการมุ่งเน้นธุรกิจ มีจุดมุ่งหมายในชีวิตและธุรกิจ ไม่ตามผู้อื่น

4) Ability to be organized. A disorganized presentation is unappealing.

ทักษะในการจัดการ การนำเสนอสินค้าที่ไม่เป็นระเบียบไม่ดึงดูดลูกค้า

5) Ability to be adaptable. Make sure you are organized enough to respond quickly.

ทักษะในการประยุกต์ปรับใช้ จงแน่ใจว่าคุณตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว การลังเลจะทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ

6) Ability to control credit. Do not allow nonpayment. Make sure you collect what is owed.

ทักษะการควบคุมเงิน ห้ามให้ลูกหนี้ค้างชำระ จงแน่ใจว่าคุณสามารถเก็บหนี้ที่เป็นของคุณได้

7) Ability to use and deploy people. Use employees in ways which bring out their potential (s).

ทักษะการใช้คนให้ถูกงาน การจัดสรรงานโดยให้ดูตามความสามารถของบุคคล จะก่อให้เกิดประโยชน์ตอบแทนมากที่สุด

8) Ability to articulate and market You must be able to educate customers on the value of goods.

ทักษะในการสื่อสารและการตลาด คุณต้องสามารถทำให้ลูกค้าเรียนรู้ถึงคุณค่าของสินค้า

9) Ability to excel in purchasing. Use your best judgement in acquiring stock.

ทักษะในการเลือกสินค้าอย่างชาญฉลาด ใช้วิจารณญาณที่ดีที่สุดของคุณในการแสวงหาสินค้า

10) Ability to analyze market opportunities and threats. Know what is selling according to areas and trends.

ทักษะในการวิเคราะห์โอกาสและภัยคุกคามทางการตลาด จงเรียนรู้สิ่งที่จะนำเสนอขายโดยวิจัยตลาดเกี่ยวกับขอบเขตและแนวโน้มตลาด

11) Ability to lead by example. Have definite rules and standards. Make sure they are followed to ensure good relations.

ทักษะในการประพฤติตัวเป็นแบบอย่าง มีนิยามกฎและมาตรฐานชัดเจนทำให้มั่นใจได้ว่ามีผู้ปฏิบัติตามเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ที่ดี

12) Ability to have business foresight. Know market trends and cycles.

มีความสามารถในการคาดการณ์ธุรกิจล่วงหน้าได้แม่นยำ รู้จักแนวโน้มและวงจรธุรกิจ* (ทุกธุรกิจมีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์คือตั้งต้น-เติบโต-ตีบตัน-ตกต่ำ)

 

กฎทอง 12อย่างที่ธุรกิจควรเลี่ยง :

1) Don’t be stingy. Never confuse efficiency with inhumanity.

อย่ามีนิสัย “เค็ม” “เหนียว “เขี้ยว” ตระหนี่ถี่เหนียว แยกให้ออกระหว่าง “ผลงาน” กับ “น้ำใจ”

2) Don’t be wishy-washy. Be confident in pursuing opportunities. Time is of the essence.

อย่าเอ๊ะ ! อ๊ะ! ลังเล ! สงสัย!  จงเชื่อมั่นในการแสวงหาโอกาสแปลกใหม่ เวลาเป็นสิ่งสำคัญ

3) Don’t be ostentatious. Do not overspend in order to make an impression.

อย่าหน้าใหญ่ใจโต อย่าอวดมั่ง อวดมี อวดร่ำ อวดรวย อย่าใช้เงินฟุ่มเฟือยเพื่อสร้างความประทับใจ

4) Don’t be dishonest. Truth is the only basis for business. Without it someone will get hurt.

ห้ามคดโกง. ความซื่อสัตย์เท่านั้นคือพื้นฐานของธุรกิจ อย่าทำให้ใครเจ็บ อย่าทำให้ใครตาย

5) Don’t be slow in debt collection. Without collections, liquidity is affected.

อย่าชักช้าในการทวงหนี้ การทำงานโดยไม่คิดค่าตอบแทน จะทำให้ธุรกิจขาดสภาพคล่อง

6) Don’t slash prices arbitrarily. This will only trigger a price war in which everyone will lose.

ห้ามลดราคาอย่างไม่มีเหตุผล จะกลายเป็นสงครามห้ำหั่นราคาที่ทุกฝ่ายจะกลายเป็นผู้พ่ายแพ้

7) Don’t give in to herd instinct. Make sure the opportunities are real and not part of a craze.

อย่ายอมแพ้ต่อ “อารมณ์” และ “ความรู้สึก” ในการทำธุรกิจ จงมั่นใจว่า “โอกาส” คือความจริงและไม่เป็นส่วนหนึ่งของกระแส

8) Don’t work against the business cycle. When things fall in price, they will then rise and vice versa.

อย่าทำธุรกิจแบบสวนกระแส เมื่อวันหนึ่งตลาดวายสักวันตลาดก็จะกลับมาบูมอีกครั้ง

9) Don’t be a stick-in-the-mud. Keep up with things and make progress. Examine new things objectively.

อย่ายึดติดแนวคิดและกลยุทธ์แบบดั้งเดิมและเคยชิน จงปรับปรุงและพัฒนากระบวนการตลอดเวลาหมั่นตรวจสอบนวัตกรรม
และแนวคิดการทำธุรกิจที่ทันสมัยและแปลกใหม่ตลอดเวลา

10) Don’t overbuy on credit. Credit is not license to spend wildly.

อย่าทำงานโดยใช้เงินอนาคต  สินเชื่อและเงินกู้ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ใช้จ่ายแบบบ้าดีเดือด

11) Don’t under-save (keep reserve funds strong). When business is slow, one with money can expand while others close.

ห้ามเก็บทุนสำรองไว้น้อยเกินไป (เก็บเงินทุนสำรองให้มั่นคง) เมื่อธุรกิจทั่วไปหยุดชะงัก
ธุรกิจของคุณจะยังขยายตัวต่อได้ต่อเนื่องในขณะที่ธุรกิจอื่นปิดตัวลง

12) Don’t blindly endorse a product. Make sure your vendors are still following standard operating procedure.

อย่าขายสินค้าโดยละเลยคุณภาพและมาตรฐาน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคู่ค้ายังผลิตสินค้าได้ตามมาตรฐานอยู่เสมอ

Comments

comments