15.ทฤษฎีตะเกียบคู่ ทฤษฎีกรรไกรตัด

ทฤษฎีตะเกียบคู่ ทฤษฎีกรรไกรตัด

คอลัมน์    How to Heng  หนังสือพิมพ์เส้นทางนักขาย
ต้นฉบับ 4 มิถุนายน 2555

                แฟนคลับ www.druthit.com ที่เคารพทุกท่าน
ผมได้วิจัยโดยทำ “การสนทนาระหว่างกลุ่ม” หรือ Focus Group กลุ่ม SMEs จำนวน 13 คนที่กำลังศึกษาวิชา “การจัดการความแตกต่างทางวัฒนธรรม” โครงการปริญญาโทการจัดการธุรกิจ SMEs คณะการจัดการและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยบูรพา

วันเวลาที่ทำวิจัยคือ 3 มิถุนายน 2555

ผลการวิจัยน่าสนใจอย่างยิ่ง จะทยอยนำมาเผยแพร่ทีละเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับ “ความเฮง”

นักศึกษากลุ่มนี้ ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยว “เกาหลี” ด้วย ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2555

สิ่งที่พบเห็นคือคนเกาหลี ไม่ชอบ “บริการ” ส่วนใหญ่ที่พบหน้างอ คอหัก เหมือนปลาทูแม่กลอง

แต่ที่เกาหลีสร้างชาติจนสำเร็จได้ เพราะคนเกาหลีทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ ใช้ทฤษฎี “ตะเกียบคู่”

ทั้งที่คนทั้งประเทศ หน้าหงิก หน้างอ มิหนำซ้ำ ไปเที่ยวไหนในเกาหลี หาส้วม หาห้องน้ำเข้ายากเย็น ไม่ชอบบริการ จะมีส้วมมากได้อย่างไร?

แต่คนในแถบเอเชีย โดยเฉพาะคนไทย แห่กันไปเที่ยวเกาหลีสนุกสนาน

ทั้งที่ติดหนัง ติดละคร ติดเพลง มีทั้งที่ชอบศัลยกรรม รวมถึงเสื้อผ้า สินค้าแฟชัน

ผมเอาข้อมูลที่ได้รับมาวิเคราะห์ เจาะลึก หาสาเหตุ และผลที่ได้รับดูว่า เป็นเพราะอะไร?

ประเด็นที่ค้นพบชัดเจนคือจะเฮงหรือไม่นั้น อยู่ที่  “ความแตกต่าง”

วันนี้ คนไทยเรา ชอบบริการ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อม อารี แต่ทำไมประเทศชาติยังย่ำอยู่กับที่?

เกาหลีแตกต่างจากบ้านเราก็ตรงที่บ้านเขามีแต่ “ตะเกียบคู่”

จะทำการใดๆ ก็ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ สามัคคี กลมเกลียว เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน

                    ทฤษฎีตะเกียบคู่ เกิดจากแนวคิด และความเชื่อว่า คนเราเกิดมาคนเดียว แต่แท้ที่จริง มิได้โดดเดี่ยวเดียวดาย จะต้องมีคู่ หาคู่ให้เจอ ไม่ว่าจะเป็น คู่คิด คู่ครอง คู่ใจ คู่งาน คู่สร้าง คู่สม

                     และท้ายที่สุด ก็จะจบลงด้วย “คู่คี่” จาก 2 เป็น 1  เดียวดาย ตัวคนเดียวในวันลาจากโลกไป

ส่วนทฤษฎีกรรไก ตัด เกิดจากแนวคิด และความเชื่อว่า คนเรา เกิดมาคนเดียว ต้องมาตามหาเนื้อคู่ หาคนคู่ใจ รู้ใจ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสร้างความสำเร็จ แต่แล้วคนที่เราคิดว่า “ชอบ” และ “ใช่” เมื่ออยู่กันไป ร่วมงานกันไป ทำงานด้วยกันไป กลับมิใช่คนที่เราคิดว่า “ใช่”

สุดท้ายจากตามใจ เริ่มขัดใจ จากสบายๆ เริ่มอึดอัด วิตก กังวล หวาดระแวง ไม่มีความสุข

ไม่ว่าจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการใดๆ ก็แล้วแต่ แต่สุดท้ายไม่ได้ผล ชีวิตก็เลยกลายเป็น “กรรไกรตัด” ตัดรอน ตัดขาด ผลประโยชน์ สิ่งดีๆ ที่ทั้งคู่ควรจะได้รับ

ในที่สุด เมื่อปราศจากผลประโยชน์ร่วมกัน ก็แยกกันไปคนละทิศทาง

ที่ฉ้อฉล ฉ้อโกง เจ้าเล่ห์ เพทุบาย ก็อาศัยชั้นเชิงกฎหมาย นำเรื่องไปแจ้งความร้องทุกข์ชั้นตำรวจ ชั้นอัยการ หรือชั้นศาล เป็นคดีความเกิดเรื่องมากมาย สาเหตุเพราะทฤษฎี “กรรไกรตัด” และ “โลภโกรธหลง”

                      มหัศจรรย์ก็ตรงที่คนส่วนใหญ่ ไม่เชื่อ ไม่คิดที่จะเลือก และไม่คาดหวังว่าจะต้องปรับใช้ทฤษฎี “กรรไกรตัด” แต่ในความเป็นจริงของชีวิต กลับบังเอิญที่จะเผชิญกับทฤษฎี “กรรไกรตัด” ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า

จำใจ จำต้องตัดญาติ ตัดเพื่อน เลิกคบกับคนสนิท หย่าขาดสามี เลิกกับภรรยา ตัดความสัมพันธ์กับบริษัท กิจการ ที่เคยอยู่ เคยนอน เคยหนุน เคยทำ เคยร่วมงานกัน

เมืองไทยเวลานี้ มองไปในแวดวงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ องค์การภาคเอกชน เครือข่ายภาคประชาชน เห็นมีแต่คนที่ใช้ทฤษฎี  “กรรไกรตัด”

ส่วนคนที่ใช้ ทฤษฎี “ตะเกียบคู่” หาตะเกียบอีกข้างจนเจอ ยังมีอยู่หรือไม่?

วันนี้ ถ้าอยากเฮง ต้องการความสำเร็จ ต้องเลือกเอาว่า จะใช้ทฤษฎีใด เป็นหลักการสร้างฐานะ

                      วิธีใช้ทฤษฎี “ตะเกียบคู่” เริ่มจาก “เชื่อ” เป็นอันดับแรก

เมื่อเชื่อแล้ว ก็ต้องลองผิด ลองถูก ลองคบหาสมาคม ค้นหาคนที่เรา “ชอบ” ไม่ว่าจะเป็นถูกชะตา ถูกอุปนิสัย คุยแล้วเข้ากันได้ คิดเห็นเป็นแนวทางเดียวกัน เพื่อสรุปเป็นคนที่เราคิดว่า “ใช่”

จากนั้นให้ทดลองทำงานร่วมกัน อย่างน้อย 1 โครงการ

“ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน” คนไหนที่จะเป็น “ตะเกียบคู่” หรือ “กรรไกรตัด”  เมื่อร่วมงานกันไประยะเวลาหนึ่ง ผลของงาน ก็จะปรากฏ ตาม “รัก โลภ โกรธ หลง” ที่ซ่อนอยู่ในความรู้สึกนึกคิดและจิตใจ

โดยทั่วไป คนเรามี 4 วัฒนธรรมการทำงานผสมผสานกัน แล้วแต่ใครจะมาจากวงการไหน

คนที่โตมาจากวัฒนธรรมเครือญาติ ส่วนใหญ่จะมีนิสัยชอบช่วยเหลือเกื้อกูล เป็นพวก เป็นพ้อง เป็นญาติ เป็นมิตร เอื้ออาทร ร่วมมือ ร่วมใจ

วัฒนธรรมข้าราชการจะมีนิสัยประหยัด เป็นทางการ ทำงานตามระเบียบ คำสั่ง เคารพ เชื่อฟัง

วัฒนธรรมปรับตัว เป็นคนที่ริเริ่ม กล้าเสี่ยง กล้าทดลอง รักงานอิสระ ตอบสนองฉับไว ทันท่วงที

วัฒนธรรมมุ่งความสำเร็จ เน้นปฏิบัติการเชิงรุก มุ่งแข่งขัน เฉลียวฉลาด จะทำงานใดๆแล้ว
เขาหรือเธอ มีหลักคิด หลักทำงานว่า ฉันต้องทำให้ได้ ฉันต้องทำให้สำเร็จ

         เรียนผู้อ่านทุกท่านครับ คนที่จะเฮงต้องเอาทฤษฎีตะเกียบคู่ ไปปรับใช้ แล้วเลือกคบคนดูว่าใครที่ควรเป็นตะเกียบคู่ คบเป็นคู่แล้วมีแต่เฮงมีแต่รวย

         ส่วนคนที่เป็นทฤษฎีกรรไกรตัด
ภาษิตสอนในตระกูลคนแต้จิ๋ว เรียกว่าเป็นคน “หมอเกาฉับ”

        คนแบบนี้ แปลว่า คบไม่ได้ขอรับ!!!

Comments

comments