88. โลกาภิวัตน์ 3.0

โลกาภิวัตน์ 3.0

*สถานที่ : Freigburg, Germany: 5 December 2555

Germany-Switzerland-France Conference

ทำงานในฐานะ Chair ตรวจประเมินการนำเสนอผลงานวิจัย

ของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วโลก ในนาม

International Journal of Arts and Sciences

ศาสตราจารย์ ดร. อุทิส ศิริวรรณ

พิมพ์ครั้งแรก หนังสือพิมพ์เชียงใหม่ธุรกิจ วันที่ 9 มกราคม 2556

พิมพ์ครั้งที่ 2  www.druthit.com  20 มกราคม 2556

 

เพราะชีวิตที่ผ่าน คล้ายดั่งความฝัน

ที่ไม่เคยคิด ก็ได้คิด ไม่เคยทำ ก็ได้ทำ ไม่เคยเป็น ก็ได้เป็น

ชีวิตจึงต้องออกเดินทาง…เพื่อแสวงหา “ความรู้” นอกตำรา

จากสิ่งที่พบเห็น ตั้งแต่ “สิ่งมหัศจรรย์ของโลก”

หน้าผา 4 ประธานาธิบดี เมาต์รัชมอร์ รัฐเซาธ์ดาโกต้า

สหรัฐอเมริกา

โบสถ์สีทองอลังการมหึมา รัฐ IDAHO, USA

ผมไม่คิด ไม่ฝันว่า วันหนึ่งโชคชะตาจะพาชีวิตผมไปเยือน “ฮ่องกง”

แม้จะไปเซี่ยงไฮ้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็รู้สึกตื่นเต้น เมื่อพบว่าวันหนึ่งได้ไปเยือนมหานครซีอาน จีนแผ่นดินใหญ่

 

ได้ท่องไปในจีนภาคกลาง เลยลึกไปถึงเส้นทางสายแพรไหม “เหอหนาน”

กระทั่งได้ทำงาน “ตลาดระหว่างประเทศ” กับกลุ่ม “XIABAO” ชีวิตเหมือนฝัน

แล้ววันหนึ่ง ชีวิตในยามยาก ก็ได้ไปเยือนมหานครโฮจิมินห์ เวียดนาม

(เวียดนาม ขนาดเป็นคอมมิวนิสต์แท้ๆ ก็ยังมีร้านสินค้าฟุ่มเฟือย LV)

 

กระนั้น การเดินทางก็ยังไม่มีจุดสิ้นสุด เมื่อพบว่า วันหนึ่งต้องออกเดินทางไกลอีกครั้ง

หนนี้ฟ้าดินพาไปไกล ไปจนถึงตะวันออกกลาง

มหานครดูไบ ศูนย์กลางมหาอำนาจชาติอาหรับแห่งศตวรรษที่ 21

ตึกสูงที่สุดในโลกขณะนี้ (ปี พ.ศ. 2556) ที่ดูไบ ตะวันออกกลาง

ชีวิตคนเรา บางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลก ไม่คิดจะได้ไป ก็ได้ไป

ไม่คิดจะทำได้ ก็ได้ทำ !!!

ดูไบ ตะวันออกกลาง  ชีวิต เดินทางไกลกว่าที่คาดคิด

การเดินทางบนเส้นทางสายแพรไหม ยังไม่สิ้นสุด

เมื่อพบว่าวันหนึ่ง เดินทางถึง นครซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

มหาอำนาจด้านการเงินและการคลังแห่งโลก

การเดินทางยังไม่สิ้นสุด เมื่อวันหนึ่ง ได้ไปเยือนนครบาเซิล

ทะลุผ่านพรมแดน “อิตาลี” เดินทางไปไกลถึง “มิลาน”

การเดินทางในยุคโลกาภิวัตน์ 3.0 ของผมยังไม่จบ เมื่อพบว่าอีกไม่กี่วัน

ก็ท่องไปในราชอาณาจักรแห่งราชวงศ์ไกเซอร์ในอดีต “เยอรมัน”

ได้เยือน “ไฟร์บวร์ก”  เมืองเก่าแก่ตอนใต้แห่งเยอรมัน

เพราะ “วิจัย” ได้นำพาชีวิตผมไปสู่ “เยอรมัน” เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2555

รถไฟเยอรมัน ยังไม่จบขบวน เส้นทางสายแฟรงค์เฟิร์ด-ไฮเดลเบิร์ก

ได้นำพาผมไปเยือนปราสาทราชวังไฮเดลเบิร์กที่เคยรุ่งเรืองในอดีต

เวลาหมุนผ่านรวดเร็ว ระบบรถไฟที่รวดเร็วได้นำพาผมไปเดินเตร็ดเตร่ฝ่าหิมะอันหนาวเหน็บกลางเมืองหลวงของประเทศ “ลักเซมเบิร์ก”

ผมแทบไม่เชื่อสายตาว่า ในวันเดียวกัน จะย่ำไปไกลได้ถึง 2 ประเทศ

 แต่ก็ต้องเชื่อ เมื่อพบว่าผมกำลังย่ำเท้าไปในใจกลางกรุงบรัสเซลส์

แห่งประเทศเบลเยี่ยม

 

 

ยุคโลกาภิวัตน์ 3.0 เพียงแค่ไม่กี่วัน อยากจะบอกว่า “โลกเล็กลงมากๆ”

จากสหรัฐอเมริกา ผ่านมหาสมุทรแปซิฟิค ย่ำไปบนเส้นทางสายแพรไหม

ตะวันออกกลาง และจบเส้นทางลงที่ “พิพิธภัณฑ์ลูฟ” ที่ฝรั่งเศส สมัยนี้

ใช้เวลาไม่ถึงเดือนแล้วครับ!!!

กระทั่งถึงพระราชวังแวร์ซายส์ มหานครปารีส ราชอาณาจักรพระเจ้าหลุยส์ที่ 14

 จากที่พบ ที่เห็น ที่ไป ที่สัมผัส

ผมมีข้อเสนอแนะกิจการ SMEs ให้ตระหนักและยอมรับความจริงว่า วันนี้ โลกเรา กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ  โดยเฉพาะแนวคิด “การลดต้นทุน” ด้วยการลดคน และลดต้นทุนค่าขนส่ง

เจ้าของกิจการทั้งหลาย พึงสำเหนียก และระมัดระวังว่า วันหน้า กิจการของท่าน จะหา “คนงาน” ยากมากยิ่งขึ้น แม้จะขึ้นเงินค่าจ้างอย่างน้อยวันละ 300 บาทก็จะหาคนทำงานได้ยาก

สิ่งที่ตามมาคือ “เทคโนโลยี” ธุรกิจต่างๆ ต้องใช้เทคโนโลยีช่วย เพื่อให้การทำงานภาคบริการหรือภาคการผลิต สำเร็จ ลุล่วง บรรลุเป้าหมายตามขั้นตอนและกระบวนการที่วางแผนไว้

ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกในเวลานี้ กำลังปรับเปลี่ยนองค์การ จากกิจการขนาดใหญ่ เริ่มลดขนาดเป็นกิจการขนาดกลาง และก็ย่อส่วนลงอีกจนกลายเป็นกิจการเล็กๆ คนทำงาน 10-30 คนยังไม่พอ ยังลดขนาดอีกจนกลายเป็นกิจการขนาดเล็กที่สุด แบบว่า “ทำงานแค่ 1 คน หรือคนเดียว”

แนวคิดการจัดการแบบ “คนเดียว” มีอำนาจต่อรองสูงสุด กำลังเกิดขึ้นแพร่หลายทั่วโลกขณะนี้

นี่คือ “กระแส” ที่ผมพบเห็น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยสาเหตุจากพลังอำนาจของ “เทคโนโลยี” กับ “เครือข่าย” และ “การเมือง” มีลักษณะ “ข้ามและไขว้”

ข้าม หมายถึง เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการทำงานของคนในองค์การภาครัฐและเอกชนมากยิ่งขึ้น สังเกตเห็นได้ชัดเจนจาก “คอมพิวเตอร์” เริ่มทำงานกับ “สมาร์ทโฟน” เพื่อตอบสนองการให้บริการที่เร็วกว่า ดีกว่า และถูกกว่า ของกิจการต่างๆ

ไขว้ หมายถึง ภาคการเมือง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงพรรคการเมือง เริ่มใช้ “เครือข่าย” และ “เชื่อมโยง” เครือข่าย โดยใช้ “เทคโนโลยี” ช่วยลดต้นทุน สร้างฐานการเมือง และขยายผลการสื่อสาร

สื่อต่างๆ เริ่ม “เจ๊ง” เพราะคนรุ่นใหม่มีทางเลือกในการเสพสื่อ มี Facebook และ Twitter ไว้ติดต่อสื่อสารผ่านนิวมีเดีย เช่น App ต่างๆ ที่เป็นโซเชียลมีเดีย พูดง่ายๆ คนสมัยใหม่ “หลอกยาก”

ยิ่งเครือข่ายไร้สายทำงานได้ผลมากขึ้ คนก็ยิ่งทำงาน “น้อยลง” แต่ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น เพียงแค่ 1 คน  ก็ทำงานได้สำเร็จ สามารถส่งมอบงานส่วนที่เหลือแก่ “เครือข่าย” ผ่านระบบ “ห่วงโซ่อุปทาน”

ต่อไปคนสามารถเป็น “เจ้าของ” โรงงานได้โดยไม่ต้องมีโรงงานเอง ขอเพียงเข้าใจขั้นตอนและกระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การส่งมอบสินค้า การบริการลูกค้า การขนส่ง และระบบโลจิสติกส์

ยุคโลกาภิวัตน์ 3.0 สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ห่วงโซ่อุปทาน” ตามทฤษฎีดังกล่าวเชื่อว่าประเทศ  2 ประเทศที่มี “สินค้า” เป็นห่วงโซ่อุปทานกัน เช่น ขาย KFC เหมือนกัน ขายซัมซุงเหมือนกัน จะไม่ทะเลาะกัน ไม่มีเรื่องบาดหมางใจกัน เพราะถ้าผิดใจกันเมื่อใดจะพากัน  “อดตาย” ด้วยกันทั้งคู่

อยากชนะยั่งยืนในยุคโลกาภิวัตน์ 3.0 อย่าลืม ต้องศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้ “ห่วงโซ่อุปทาน” และศึกษาวิธีคิด ขั้นตอน และกระบวนการทำงานแบบ “คนเดียว” แบบ “วัดตัวตัด” โดยมี “เครือข่าย” ช่วยกันทำมาหากิน

ฉบับหน้า จะขยายความ “ห่วงโซ่อุปทาน” แบบ “คนเดียว” เพื่อเห็นภาพของการทำงานในโลกสมัยใหม่ผ่าน “PC+SmartPhone”  ซึ่งเป็นเรื่อง SMEs ทุกคนจำเป็น “ต้องรู้” และ “เตรียมตัว” ครับ  

 

Comments

comments