35.ชนะแบบครูบาศรีวิชัย

คอลัมน์    How to Win                                                        

วิถีชนะแบบครูบาศรีวิชัย

   ศ. ดร. อุทิส ศิริวรรณ

Research Director  MBA & DBA Program, Deming Business School, W.H. Taft University

www.demingbusinessschool.com

หนังสือพิมพ์เชียงใหม่ธุรกิจ

วันพุธที่  1 สิงหาคม 2555

 

ช่วงที่เขียน อยู่ระหว่างเทศกาลเข้าพรรษา ผมนึกถึงครูบาที่เป็น “ตนบุญ” อยู่ 1 รูป

ท่านได้นำคณะศรัทธาลงมือสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2477 เวลา 10.00 น. เชิงดอยสุเทพด้านห้วยแก้ว โดยมี พลตรี เจ้าแก้วเนาวรัตน์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เป็นผู้ขุดจอบเป็นปฐมฤกษ์

จนบัดนี้ เวลาผมขึ้นดอยสุเทพครั้งคราใด ถ้าขับรถขึ้นดอยเอง ก็จะขับช้าๆ พนมมือไหว้ท่าน ถ้านั่งรถสี่ล้อ ก็ไหว้ได้สะดวกหน่อย บางครั้ง ก็จอดลงไหว้เต็มรูปแบบ

การสร้างถนนสายนี้ใช้แรงงานเป็นจำนวนมากวันหนึ่งๆ จะมีผู้คนช่วยทำงานประมาณวันละไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ถ้าคิดมูลค่าแรงงานเป็นเงินก็คงมากมายมหาศาลทีเดียว การสร้างทางสายนี้ใช้เวลา 5 เดือน กับ 22 วัน จึงแล้วเสร็จ และเปิดให้รถขึ้นลงได้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2478

                ได้แง่คิดว่า วาสนาชะตาคนเป็นใหญ่เป็นโตส่วนใหญ่โดน  “ใส่ร้าย” “ป้ายสี” กันถ้วนทั่ว

เป็นบทเรียนว่า ใครจะทำการใหญ่โตเพื่อส่วนรวม ต้องระวังจะถูก “ใส่ร้าย” กลั่นแกล้งเพราะอิจฉา

คงเหมือนท่านดร.แม้ว ที่ “ถูกกระทำ” อยู่ในขณะนี้  หาเงินเอง ก็โดนคนเอาคดีความมาโยนใส่

ผมเองเดิมไม่รู้จักท่านมาก่อน แต่ยิ่งอ่านประวัติ ยิ่งทำความรู้จัก ยิ่งเคารพนับถือครูบาศรีวิชัยอย่างสนิทใจ ประวัติท่านเป็นผู้มีศีลาจารวัตรที่งดงามและเคร่งครัด งดการเสพ หมาก เมี่ยง บุหรี่ โดยสิ้นเชิง ท่านงดฉันเนื้อสัตว์ตั้งแต่เมื่ออายุได้ 26 ปี และฉันอาหารเพียงมื้อเดียว ซึ่งมักเป็นผักต้มใส่เกลือกับพริกไทเล็กน้อย บางทีก็ไม่ฉันข้าวทั้ง 5 เดือน คงฉันเฉพาะลูกไม้หัวมันเท่านั้น นอกจากนี้ท่านยังงดฉันผักตามวันทั้ง 7 คือ วันอาทิตย์ ไม่ฉันฟักแฟง, วันจันทร์ ไม่ฉันแตงโมและแตงกวา, วันอังคาร ไม่ฉันมะเขือ, วันพุธ ไม่ฉันใบแมงลัก, วันพฤหัสบดี ไม่ฉันกล้วย, วันศุกร์ ไม่ฉันเทา, วันเสาร์ ไม่ฉันบอน

ผักที่ท่านจะไม่ฉันเลยคือ ผักบุ้ง ผักปลอด ผักเปลว ผักหมากขี้กา ผักจิก ผักเฮือดผักฮี้โดยท่านให้เหตุผลว่า ถ้างดได้ กัมมัฏฐานจะเจริญก้าวหน้า ผิวพรรณจะเปล่งปลั่ง ธาตุทั้ง ๔ จะเป็นปกติ

ตนบุญท่านนี้เป็นตัวอย่าง “นักสู้” เป็นที่มาของคำว่า “ทำดีไม่ได้ดี” แต่ท่านก็ทำ ชั่วชีวิตเผชิญความขัดแย้งระหว่างคณะสงฆ์ล้านนากับส่วนกลางและกับญาติโยม แต่ท่านก็ยอมให้ถูกจับกุมถึง 3 ครั้ง

ท่านได้ต่อสู้จน หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทุกกระทง และได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชสมัยนั้นส่วนตัวครั้งหนึ่ง จากการเข้าเฝ้าครั้งนี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ได้ประทานส่งสมณสาส์นไปยังกรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จเจ้าคณะใหญ่หนกลาง มีใจความว่า

…วันนี้ฉันได้พบตัวพระศรีวิชัย (14 ก.ค. 2463) ได้ไต่สวนเห็นว่า เป็นพระที่อ่อนโยน ไม่ใช้ผู้ถือกระด้าง ไม่ใช่เจ้าเล่ห์เจ้ากล ไม่ค่อยรู้ธรรมวินัย แต่มีสมณสัญญา พอจะประพฤติอยู่ได้อย่างพระที่ห่างเหินจากสมาคม การตั้งตัวเป็นพระอุปัชฌาย์เองนั้น ด้วยไม่รู้ความหมาย ไม่รู้ประกาศ ทำตามธรรมเนียมคืออุปัชฌายะของเธอ ชื่อสุมนะ เมื่อจะถึงมรณภาพ ได้ตั้งเธอให้ปกครองวัดและบริษัทแทน จนถือว่าได้ตั้งมาจากอุปัชฌายะ เพราะการที่ไม่รู้จักระเบียบแบบแผน ถูกเอาตัวมาลงโทษกักไว้ เกือบไม่รู้ว่าเพราะความผิดอะไร พระอย่างนี้ต้องการอธิบายให้รู้จักผิดชอบ ดีกว่าจะลงโทษ…
                 เป็นอุทาหรณ์ว่า คนเราต้องสู้ สู้กับคนฉ้อฉลพูดไม่จริงด้วยความจริง แล้วจะชนะในท้ายที่สุดครับ

Comments

comments