224. การบริหารรัฐกิจแบบจีน : ขุนนางดี ขุนนางเลว ตอน ๑

๒๕.๔.๒๕๖๒

ขุนนางดี ขุนนางเลว ตอน ๑ 
ที่มาจาก
คัมภีร์ฉางต่วนจิง 
ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดคัมภีร์รัฐประศาสนศาสตร์
การเมือง การปกครอง การบริหารราชการแผ่นดินแบบจีน

ผู้แต่งได้แบ่ง “ประเภท” ของ “ขุนนางดี” เอาไว้ ๖ ประเภท
๑. ขุนนางราชครู ๒. ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ ๓. ขุนนางจงรักภักดี 
๔. ขุนนางชาญฉลาด ๕. ขุนนางสุจริต ๖. ขุนนางซื่อตรง

ส่วน “ขุนนางเลว” คัมภีร์ “ฉางต่วนจิง” ก็จัดแบ่งเอาไว้เป็น ๖ ประเภทเช่นกัน
๑. ขุนนางกะล่อน ๒. ขุนนางสอพลอ ๓. ขุนนางเพ็ดทูล
๔. ขุนนางโฉดชาติ ๕. ขุนนางปล้นชาติ ๖. ขุนนางล้างชาติ

ยุคนี้ เป็นยุคที่ “บ้านเมือง” ระส่ำระสายมากที่สุด
ในประวัติศาสตร์ มีเรื่องราวจริงๆ เท็จๆ
เรื่องราวใส่ร้ายใส่ความ ยัดเยียด ปรักปรำ
กล่าวหาฝ่ายตรงข้ามที่แย่งชิงอำนาจ
ฝ่ายที่หวงแหนอำนาจก็กระทำทุกวิถีทาง
ใช้ช่องทาง ช่องโหว่ทางกฎหมาย
เล่นงานอีกฝ่าย

เลยเห็นเป็นโอกาสดี นำเรื่องราว “ขุนนางดี ๖ ประเภท”
มาเล่าสู่กันฟัง

เพื่อว่า “ราษฎร” จะได้เป็นแง่คิด
ในการเลือกตั้ง “นักการเมือง” ระดับราชครูเป็นต้น
เข้าสู่สภา ในกรณีที่ปีนี้
“อาจ” มีการเลือกตั้งใหญ่ และเลือกตั้งใหม่เป็นครั้งที่ ๒
พสกนิกรในใต้หล้า ต้อง “ทำใจ” กับดินฟ้าอากาศแปรปรวน

ทั้งนี้เพราะผู้มีอำนาจไม่สามารถ
“ไปต่อ” คือมาถึง “ทางตัน” ไม่อาจเดินหมากเดินเกมการเมือง
ตามแนวที่ตนเองถนัดและช่ำช่องเชี่ยวชาญได้อีกต่อไป

การไล่ล่าฝ่ายตรงข้ามจึงดุเดือด ทวีคูณ พหุคูณ และรุนแรงมากยิ่งขึ้น !

ขุนนางดี ๑ ประเภท ๑ “ขุนนางราชครู”
เป็นขุนนางมีความคิดอ่าน มีวิสัยทัศน์
เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น
เล็งเห็นเภทภัยต่างๆ ได้ก่อนที่จะปรากฏ
ทั้งยังสามารถ “ดับ” ไฟที่เกิดจากภัยคุกคามนานาชนิด ได้มอดสนิท
เป็นผลให้ “ฮ่องเต้” อยู่เหนือภัยอันตราย และแผ่พระบารมี
แสนยานุภาพออกไปได้เกริกก้องเกรียงไกรขจรขจายไปไกลชั่วกาลนาน

ขุนนางเหล่านี้ ทำงานรับใช้ “ราชสำนัก” เงียบกริบ
ไม่มียศ ไม่มีตำแหน่ง ไม่หวังยกย่อง ไม่ต้องการปูนบำเหน็จ
ไม่คาดหวัง “ดี เด่น ดัง” ใดๆ จากฮ่องเต้ หรือราชสำนัก
เป็นคน “ตงฉิน” “ใจซื่อ” “มือสะอาด” ถือ “ความเที่ยงตรง” เป็นหลัก
พร้อมช่วยราษฎรผู้ยากไร้ ซึ่งถูกกดขี่ กดดัน บีบคั้น เบียดเบียน รังแก
โดยไม่แสดง “หลักฐาน” หรือ “การยกย่อง” ใดๆ
เทียบเท่ากับ “ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี”
ไม่มี “สำนักงานประจำ” ที่แน่นอน ทำงาน “หาข่าว” แบบ “เจาะลึก”
เข้าไปได้ทุกวงการแบบสนิทใจ ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับวงการใดๆ
รู้ว่าการใดควรหรือไม่ควร รู้ว่า “ฮ่องเต้” ทำการใดๆ แล้ว
จะเกิด “ผลกระทบ” ตามมาด้านบวกหรือลบ

เสนอ “สาส์น” ถึงฮ่องเต้โดยตรง เป็นการลับเฉพาะ
ทรงไว้วางพระทัยมาก ไม่กินสินบาท คาดสินบน ไม่ทุจริตคอรัปชั่น

ขุนนางระดับสูงสุดนี้ สมัยโบราณเรียกว่า “ท่านราชครู”

ขุนนางดี ๑ ประเภท ๒ “ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่”
มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เสริมจุดดีสลายจุดด้อยของฮ่องเต้
คอยกราบทูลให้ฮ่องเต้ใช้วิสัยทัศน์อันยาวไกล
ในการบริหารจัดการปกครองแผ่นดินให้สงบร่มเย็น
กล้ากราบทูลบอกเล่าความจริง แม้จะถูกถอดถอนจากยศตำแหน่ง
ก็ไม่นำพา เพียงมุ่งหวังให้ฮ่องเต้ดำเนินราชกิจในแนวทางที่ถูกต้องตีงาม
สมัยราชวงศ์ชิงมีบันทึกเป็นหลักฐานว่าฮ่องเต้คังซีขึ้นครองราชย์
ตั้งแต่พระชันษา ๗ ปี ตลอดระยะเวลา ๖๐ ปีที่ครองราชย์
ราชกิจมากมายตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แม้จะอยู่เพียงลำพัง
ก็ทรง “หมวก” คือ “พระมาลา” ตลอดเวลา
ทรงเข้มงวดกับตนเองเป็นอย่างยิ่ง
ตามแนวปฏิบัติในราชสำนัก “ฮ่องเต้ซ่งไท่จู่”
ซึ่งมิได้ฉลองพระองค์เป็นทางการ
และถูกทักท้วงโดย “ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่”
ให้เปลี่ยนเครื่องทรงทางการออกว่าราชการ

ขุนนางดี ๑ ประเภท ๓ “ขุนนางจงรักภักดี”
เป็นขุนนางที่ทุ่มเททำงานทั้งวันทั้งคืน
และเสาะแสวงหาคนเก่งคนดีคนมีความรู้คนมีความสามารถ
มารับใช้ “ฮ่องเต้” โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบาก
มักยกตัวอย่าง “บอกเล่า” เรื่องราวฮ่องเต้ ขุนนาง และแบบอย่างที่ดี
ของ “ผู้นำ” ในอดีต ให้ฮ่องเต้รับฟัง เพื่อเป็นแบบอย่าง ตัวแบบ
และแนวปฏิบัติที่ดี

ขุนนางประเภทนี้ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ค่อยได้พักผ่อน
มีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากนอกดึกตื่นเช้า
ในราชวงศ์ชิงตอนต้น มีกฎมณเฑียรบาล กำหนดว่า
หลังตื่นบรรทมในช่วงเช้า ฮ่องเต้จะต้อง “อ่าน”
บันทึกประวัติศาสตร์ของรัชกาลก่อนๆ
เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์บริหารบ้านเมืองของบรรพชน
บทเรียนประวัติศาสตร์ มีความสำคัญยิ่งยวด
ไม่ว่าจะอ่านจนขึ้นใจเพียงใด ก็ต้องอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพื่อซึมซับประสบการณ์เต็มที่  และกระตุ้นให้เกิด
ความคิดอ่านที่เป็นประโยชน์ ขุนนางที่ใช้ความรู้จาก
ประวัติศาสตร์มาช่วยเหลือฮ่องเต้อยู่เป็นประจำ
ถือได้ว่าเป็นขุนนางผู้จงรักภักดี
ไม่ทำให้ “ฮ่องเต้” เสียหน้า

สมัยราชวงศ์เว่ย ขุนนางนามว่า “เฉินฉิน”
มีความรู้และคุณธรรม มีชื่อเสียงมาก
เขาไม่เคยกล่าวถึง “ข้อผิดพลาด” ของฮ่องเต้
แม้เพียงครั้งเดียว ไม่ท้วงติงฮ่องเต้ซึ่งหน้าให้เสียหน้า
ไม่ทำให้ฮ่องเต้กระอักกระอ่วนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ไม่ทำตัวให้โดดเด่นในเหล่าขุนนางว่าสามารถจับผิดฮ่องเต้ได้
ไม่โพนทะนาความผิดพลาดของฮ่องเต้ต่อหน้าคนอื่น
ใช้วิธีส่ง “สาส์นลับ” ให้ฮ่องเต้อ่านในที่ลับ
ไม่เคย “บอก” ฮ่องเต้ตัวต่อตัวถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้ฮ่องเต้อับอาย

ตลอดรัชสมัย ฮ่องเต้รับสาส์นลับถึง ๑๐ กว่าครั้ง
แต่ไม่เคยมีข้าราชบริพารคนใดในราชสำนักล่วงรู้ความลับในสาส์น
เพราะขุนนาง “เฉินฉิน” ไม่ได้ “อวดอ้าง”

ขุนนางดี ๑ ประเภท ๔ “ขุนนางชาญฉลาด”
มีสายตาแหลมคม มองเห็นเหตุแห่งความสำเร็จและล้มเหลว
สามารถช่วยเหลือค้ำบัลลังก์ฮ่องเต้แต่ต้น
ช่วยอุดช่องโหว่ปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินในด้านต่างๆ
แปร “หายนะ” เป็น “ชัยชนะ”
เปลี่ยน “วิบัติ” เป็น “สมบัติ”
ฮ่องเต้รับสั่งคำเดียว ก็คิดต่อได้ถึง ๑๐ โครงการ
ช่วยสนองงานโดยละเอียดรอบคอบ
ไม่เปิดช่องโหว่ภายหลังจนเป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
วางแผนรับมือป้องกันแก้ไขมีแผนสำรองแผนฉุกเฉินไว้ครบครัน
แม้ไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่ก็ลงมือทำเต็มที่

ฮ่องเต้ที่มีขุนนางชาญฉลาด จะไม่กลุ้มพระทัยตลอดรัชกาล

ขุนนางดี ๑ ประเภท ๕ “ขุนนางสุจริต”
ไม่โลภโมโทสัน รับมอบหมายให้ทำงานต่างพระเนตรต่างพระกรรณ
ก็ลงมือทำงานรับสนองพระบรมราชโองการสุดความสามารถ
ไม่รับของกำนัล มีคนจ่ายใต้โต๊ะก็ไม่รับ ใช้ชีวิตสมถะ สันโดษ
ถือว่าเป็นขุนนางใจซื่อ มือสะอาด คนทั่วไปยกย่อง
ฮ่องเต้อยากได้ขุนนางประเภทนี้ไว้รอบตัวจำนวนมาก
ขุนนางประเภทนี้ เคารพกฎหมาย เคร่งครัดในระเบียบวินัยคำสั่ง
แต่ก็นับว่าหายากยิ่งนัก นานๆ จะเจอขุนนางประเภทนี้สักคน

ขุนนางดี ๑ ประเภท ๖ “ขุนนางซื่อตรง”
ในยามบ้านเมืองวิกฤต ผู้คนในชาติแตกแยกความคิดเห็นเป็นกลุ่มๆ
ไม่มีใครฟังใคร ถือสี ถือเสียง พวกเรา พวกเขา
ฮ่องเต้เองก็ไม่พร้อมลงมารับฟัง “ปัญหา” ข้างถนน ด้วยพระองค์เอง
คนพูดความจริงมีน้อย มีแต่คนตอแหล ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ

สภาวะมุสา ตลบตะแลง ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ ในศาลาโกหก
พูดเอาดีใส่ตัว พูดเอาชั่วโยนใส่คนอื่นให้รับเคราะห์กรรมแทน
มีให้เห็นทั่วทุกหย่อมหญ้า ไม่มีใครรู้ว่าใครคนจริงใครคนอาสัตย์อาธรรม์
ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน คนชั่วได้ดี คนดีติดคุกเพราะทำดี
มีปรากฏเป็นอันมาก

ไม่มีใครกล้าท้วงติงสิ่งที่ฮ่องเต้ตัดสินพระทัย

ขุนนางประเภทนี้พร้อมเผชิญหน้าฮ่องเต้ กราบทูล และชี้แจง
ข้อผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นคนตรงที่จะยอมขัดใจ
ขัดคอ และยอมเสี่ยงตาย เพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นสำคัญ
แม้ในยามที่ฮ่องเต้ทรงพิโรธอย่างรุนแรง  ไม่ประจบสอพลอ
มุ่ง “สามัคคี” ระหว่างฮ่องเต้ ราชสำนัก ขุนนาง อำมาตย์ และราษฎร
ตลอดทั้งสมณชีพราหมณ์ ให้มีความปรองดอง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

จบตอน ๑
ต่อตอน ๒
ขุนนางเลว ๖ ประเภท
ในวันอื่น


เรื่องเล่า “ขุนนางดี” “ขุนนางเลว”
ผมนำเรื่องราวจริงจาก “จีน”  ซึ่งเล่า่โดย “ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์”
หนังสือ CEO สอนน้อง
ฉบับพิมพ์เดือนสิงหาคม ๒๕๕๑
โดยสยามอินเตอร์บุ๊คส์

ผมสรุปความมาเล่าต่อ
และปรับสำนวน “ภาษาไทย”
ให้เป็นเรื่องเล่าในสไตล์ผม
ซึ่งเน้นรวบรัด กระชับ จับความว่องไว เข้าใจง่าย

หนังสือเล่มนี้น่าอ่าน
เพราะ “พลิกความคิดล้ำค่า” ของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CEO
ร้านสะดวกซื้อ 7-11
องค์กรระดับแนวหน้าที่มีพนักงานกว่า ๑๐๐,๐๐๐ คน

หนังสือเล่มนี้
ปัจจุบันเป็นหนังสือเก่า
หาอ่านยากแล้ว

——-

Comments

comments