201. วิธีการพัฒนาศักยภาพกายและจิตแบบง่าย


คอลัมน์ 
How to Win


วิธีการพัฒนาศักยภาพกายและจิตแบบง่าย

IMG20150324180823 (Small)

ดร. อุทิส  ศิริวรรณ
ศาสตราจารย์ประจำ โครงการปริญญาเอกปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจ
Ph.D. in Business Administration
Charisma University, Turks & Caicos, UK Territaries
www.charismauniversity.org

5 กันยายน 2558

“ความเคารพ ความถ่อมตน ความสันโดษ ความกตัญญู และการฟังธรรมะประจำ นั่นคือมงคลอันสูงสุด”
พุทธภาษิต, มงคลสูตร ขุททกปาฐะ พระไตรปิฎก

ชัยชนะที่นำไปสู่ความสำเร็จในชีวิต ประมวลเป็น 4 ด้านหลัก
ประการแรก คือการปกครอง นำคน หรือองค์กรไปสู่เป้าหมายหรือพันธกิจที่วางไว้
ประการที่ 2 คือการจัดการเงินประกอบด้วยทรัพย์สิน หนี้สิน การบัญชี และการลงทุน รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน ทองคำ หุ้น และพันธบัตร
ประการที่ 3 คือการจัดการทรัพยากรพัสดุสิ่งของที่มีอยู่รอบตัว รอบด้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งรวมถึงบ้าน ที่พักอาศัย ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เฟอร์นิเจอร์ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด
ประการที่ 4 คือ  วิธีการ ซึ่งรวมถึง วิธีคิด วิธีพูด วิธีติดต่อสื่อสาร และวิธีทำงาน หรือวิธีปฏิบัติงาน
ใน 4 ประการข้างต้นนั้น  ประการที่ 4  ผมมองว่า คนส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญน้อย ทั้งที่ถ้าคนส่วนใหญ่เอาใจใส่ “วิธีการข้อที่ 4” ประมาณ 20% ก็จะมีผลทำให้การปกครองคน การจัดการเงิน และทรัพยากร สำเร็จ เห็นผล สะดวก ง่าย เร็วพลัน ทันใจ ทุกผู้ทุกตนทุกคนทุกเมื่อ

กระบวนการทำวิจัย ที่เรียกว่า “ระเบียบวิธีวิจัย” ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ทั้งสายศาสตร์และศิลป์ ล้วนเริ่มต้นที่ “วิธีการ” พูดสั้นๆ ว่า “วิธีการที่ถูกต้องก็นำไปสู่ผลสำเร็จการวิจัยที่เป็นรูปธรรม”

ผมได้วิจัย “ต้นแบบความสำเร็จ” ของกิจการต่างๆ ตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ สรุปได้สั้นๆ ว่า ความสำเร็จยั่งยืน เกิดจาก “วิธีการ”
ในบรรดาตำรับตำราว่าด้วย “วิธีการ” ที่โด่งดังในพม่า ไทย ลังกา เขมร และลาว “มังคลัตถทีปนี” เป็นผลงานอัญมณีระดับ “เพชรน้ำเอก” ที่ชาวเชียงใหม่น่าภาคภูมิใจ และน่านำมาใช้กันแพร่หลาย
ผลงานนี้แต่งโดย “พระสิริมังคลาจารย์” ซึ่งเป็นปราชญ์เกิดในรัชสมัยพระเจ้าติโลกราช ท่านผู้นี้มีความรู้และความเพียร ปรารถนาความเฉลียวฉลาดและรอบรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพตนเองและผู้อื่น
ปราชญ์ท่านนี้ได้เสนอ “วิธีการ” เพื่อเพิ่มพูน “ขีดความรู้ความสามรถ” ของตนได้ดีมาก ผมขอนำหลักการมาเสนอไว้โดยย่อดังนี้
ท่านอธิบายว่า “วิธีการ” พัฒนาศักยภาพมนุษย์ จะต้องพัฒนา “จิต” และ “ตนเอง” พร้อมกัน
การพัฒนาศักยภาพของ “จิต” และ “ตนเอง”  ซึ่งต้องทำคู่ขนาน ท่านสรุปไว้ 3 ด้าน
ด้านแรก พัฒนาตนเองให้มี “ศีล 5” นั่นคือ ต้องยึดหลักการว่าไม่ฆ่า, ไม่เบียดเบียน, ไม่ลัก, ไม่ยักยอก, ไม่ฉ้อ, ไม่โกง, ไม่ล่อ, ไม่หลอก, ไม่ลวง, ไม่เอาเปรียบ, ไม่อยากได้ของคนอื่น, ไม่แย่งสามี-ภรรยาใคร, ไม่พูดเท็จ, ไม่พูดส่อเสียด, ไม่พูดคำหยาบ, ไม่พูดเพ้อเจ้อ, ไม่ดื่มสุราและเมรัย
คนที่พัฒนากายและจิตด้วยศีล 5 เคร่งครัด จะไม่ “ประมาท” มีสติและสัมปชัญญะบริบูรณ์ครบถ้วน เมื่อคนเรารู้สึกตัวตื่นตัวเตรียมตัวเตรียมใจไว้รับปัญหาตลอดเวลา ชีวิตก็จะพบกับ “ความสำเร็จ” ได้ไม่ยาก
ด้านที่ 2 ฝึกกายและจิตไม่ให้ “โกรธ” ยกตัวอย่างเช่น คำถามว่า “ฆ่าอะไรได้จึงจะสบาย? จึงจะไม่เศร้าโศก?” คำตอบคือ “ฆ่าความโกรธ”  คนที่ไม่มีเรื่องไม่มีราวกับใคร จะกินจะนอนจะอยู่ที่ไหนก็สุขสบาย กินอิ่ม นอนอุ่น ไม่ต้องยุ่ง ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร ไปไหนมาไหนก็ไม่ต้องมีคนห้อมล้อม เดินทางคนเดียวได้
ด้านที่ 3 ฝึกตนไม่ให้เป็นคน “เห็นแก่ตัว” ทุกวันนี้การศึกษาแบบตะวันตก สอนให้คนมีนิสัย “เค็ม-เหนียว-เขี้ยว-เบี้ยว” แข่งขันสูง กดดัน ดังนั้นต้องฝึกความคิดแบบวิถีพุทธ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เริ่มจากมีน้อยให้น้อย มีพอควรก็ให้พอประมาณ มีมากก็ให้มาก คนที่รู้จักแบ่ง รู้จักปัน ก็จะกินอิ่มนอนหลับ
พระพุทธเจ้าตรัสยืนยันไว้ชัดเจนว่า  “คนที่ฝึกกายและจิตถูกต้องจะได้ทรัพย์สินที่พ่อแม่และญาติพี่น้องก็ให้ไม่ได้” คนที่ชอบคิดและศึกษาวิธีการเพิ่มพูนขีดความสามารถและศักยภาพ ก็ลองทำดูครับ

Comments

comments