169. ฮาลองเบย์ ฮานอย เวียดนาม

คอลัมน์  How to Win

ฮาลองเบย์ ฮานอย เวียดนาม

ศาสตราจารย์  ดร. อุทิส  ศิริวรรณ

Research Chair

Ph.D. Program in Business Administration, Social Science and Humanities

Faculty of Business, Charisma University,

Turks and Caicos, UK

www.charismauniversity.org

20 สิงหาคม 2557

“เกิดมามีทรัพย์สินเงินทอง แต่ไม่เผื่อแผ่ทำบุญให้ทาน ก็เหมือนคนที่ตายทั้งเป็น”
หิโตปเทศ

 

               ผมไม่เคยเดินทางมาแถบเวียดนามเหนือ
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เดินทางมาเยือนกรุงฮานอย  เมืองหลวงของเวียดนามที่รุ่งเรืองยาวนานนับพันปี

เพิ่งฉลองครบรอบหนึ่งพันปีแห่งการสถาปนากรุงฮานอยไปเมื่อปี 2553
หลังจากตกลงเรื่องรถเช่าจากสนามบินนานาชาติ เดินทางสู่อ่าวฮาลอง หรือที่คนไทยคุ้นเคยในนามฮาลองเบย์
ผมก็อยู่ในสภาวะหลับๆ ตื่นๆ ตลอดระยะทางเพียงแค่ 170 กิโลเมตรเศษ แต่ด้วยยวดยานพาหนะคับคั่ง ผู้คนเดินทางจำนวนมาก ก็เลยใช้เวลายาวนานถึง 3  ชั่วโมงเศษ
สองข้างทางคล้ายเมืองเหนือของไทย แตกต่างก็ตรงที่เป็นทางราบ มีทุ่งนาตลอดระยะทาง ยกเว้นสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนแตกต่างเป็นเอกลักษณ์แบบฮานอย
ที่อุดมสมบูรณ์คือกุ้งและปลาทะเล สด เหนียว หนึบ อร่อย
อากาศที่อ่าวฮาลองก็สบาย วิวทิวทัศน์เหมือนกระบี่ พังงา แต่จำนวนเทือกเขามีมากกว่า ต้องยอมรับความจริงว่าอ่าวฮาลอง สวยกว่าบ้านเรา น้ำทะเลก็สีคราม สบายตา สบายใจ
กลับเข้าสู่เมืองฮานอยเป็นเมืองที่อึกทึกครึกโครมผู้คนพลุกพล่านยิ่งกว่า กรุงเทพมหานครหรือเมืองอื่นใดในบ้านเรา ไปไหนมาไหนรถมอเตอร์ไซค์ปรู๊ดปร๊าดว่องไว แต่ก็ไม่เป็นอันตรายใดๆ
ผู้คนก็อัธยาศัยไมตรีดี คล้ายคนเอเชียที่พบเห็นทั่วไป ที่ผมรู้สึกประทับใจคือบริการ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ขยันขันแข็ง เอางานเอาการแตกต่างจากฝรั่งในยุโรปและอเมริกาที่ดูเฉยเมยและเฉื่อยชา
กลยุทธ์ที่ค้นพบจากฮาลองเบย์ถึงฮานอย สรุปได้ดังนี้
กลยุทธ์แรก  ความขยัน ผมนึกถึงคำว่า “ไม่มีความยากจนในหมู่คนขยัน”  คนเวียดนามขยันไม่แพ้คนจีน อาจเป็นเพราะเมืองที่ผมไป ชายแดนติดกับทางจีน ห่างกันเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเศษ
เรื่องความขยันของคนฮานอย เป็นกลยุทธ์ที่ดี นอนกันดึกแต่ตื่นเช้า ขยันทำมาหากิน ฝนตกก็ไปทำงานกัน  และช่วยกันทำงาน ช่วยกันทำมาหากิน นี่คือกลยุทธ์ที่ผมเห็นจากท้องถนน
กลยุทธ์ที่ 2 การเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่  ผู้ฟังในมหาวิทยาลัยที่ผมไปบรรยาย กระตือรือร้น อยากรู้ อยากเห็น อยากทราบแนวคิด ทฤษฎีการบริหารจัดการสมัยใหม่
คนที่เปิดใจเรียนรู้ รับรู้ รับฟังเรื่องราวใหม่ๆ ทันสมัย ก็จะทันยุค ทันเหตุการณ์ ทันกาล ทันเวลา ทำการใดๆ ก็จะสำเร็จเร็วกว่า ดีกว่า ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าคนที่ปิดตัว เก็บตัวในสังคมเงียบๆ เดียวดาย
กลยุทธ์ที่ 3 การเป็นตัวของตัวเอง คนที่นี่เท่าที่พูดคุยและสัมผัส จะมีวิจารณญาณ มีความคิดอ่าน เป็นตัวของตัวเอง ถนัดในการใช้เหตุผลวิเคราะห์โอกาสและความเป็นไปได้ การที่เวียดนามชนะฝรั่งซึ่งเหนือกว่าหลายขุม ผมว่าเป็นเพราะพวกเขามีความเป็นตัวของตัวเองสูง คิดเป็น และทำได้
กลยุทธ์ที่ 4 คอนเน็คชัน  แง่ คิดจากฮานอยคือ Know-How กับ Know-Who อะไรสำคัญกว่ากัน ได้คำตอบว่า Know-Who สำคัญกว่า จะทำการใดๆ ต้องรู้จักคน และต้องใช้คอนเน็คชันให้เป็น
ผมมองว่าคอนเน็คชัน เป็นเรื่องสำคัญที่พบเห็นทั้งในฮานอย กรุงเทพฯ และทั่วโลก คนเราจะประสบพบพานความสำเร็จได้ ต้องพึ่งพาคอนเน็คชัน เครือข่าย มีพรรค มีพวก สิ่งยากๆ ก็เป็นสิ่งง่ายๆ
ทั้ง 4 กลยุทธ์  ผมมองว่านำมาปรับใช้กับกิจการ SMEs ในบ้านเราได้ครับ

 

Comments

comments