213. อนุสาสนีปาฏิหาริย์

213. อนุสาสนีปาฏิหาริย์

“การบริการวิชาการสู่สังคมเป็นวิทยาทาน” 

โดย


ศาสตราจารย์ ดร. อุทิส ศิริวรรณ
ผู้อำนวยการโครงการปริญญาเอก ทวิปริญญา
Ph.D.  &  DBA in Business Administration
Charisma University, Providenciales, TC
and 
Apollos University, Great Falls, Montana, USA

คอลัมน์   How to Heng
หนังสือพิมพ์ “เส้นทางนักขาย” 
11 ตุลาคม 2560

เพื่อนๆ นักขายครับ วันนี้จะนำเสนอ “ทฤษฎีเฮง” ในหัวข้อ “ปาฏิหาริย์” ที่คิด เชื่อ และทำตามแล้วจะบังเกิดผลตามมาคือ สำเร็จๆ  เฮงๆ  รวยๆ

ในพระไตรปิฎก “ปาฏิหาริย์” แปลได้หลายนัย ในที่นี้จะระบุถึงเฉพาะ “การกระทำที่ให้บังเกิดผลเป็นอัศจรรย์” มีทั้งหมด 3 ข้อ ข้อแรก คือ “อิทธิปาฏิหาริย์”  แสดงฤทธิ์ได้ ข้อที่ 2 “อาเทศนาปาฏิหาริย์” ได้แก่  การอ่านความคิดทายใจคนอื่นได้ และข้อที่ 3 “อนุสาสนีปาฏิหาริย์” คือข้อคิด คำคม คำสอนที่เปลี่ยนชีวิตได้ ทันที ทันใด ทันใจ !

ท่านเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานใหญ่กิจการเครือซีพี เป็นผู้ที่มี  “อนุสาสนีปาฏิหาริย์” คือข้อคิดของท่าน เป็นคำคมบ่มชีวิต สามารถพลิกผัน เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงานให้สำเร็จบังเกิดมรรคผลได้จริงๆ ใครที่เสาะแสวงหา “วิธีเฮง” ผมแนะนำให้หาซื้อหนังสือเกี่ยวกับท่านมาขบคิด มาอ่านให้มากๆ

คุณภัทระ ฉลาดแพทย์ ผู้แต่งหนังสือ “มหาเศรษฐีโลก สอนลูกรวย” ได้รวบรวมคำสอนเจ้าสัวธนินท์ ตลอดทั้งมหาเศรษฐีระดับโลกต่างๆ ไว้หลายท่าน  ขอยกตัวอย่างบางตอนมาลงไว้ให้เก็บไปคิด และไปทำ เพื่อความเฮง อาทิเช่น

“ให้เรามองตัวเองตลอด เวลามีความผิดพลาด ก่อนที่จะมองคนอื่น ให้มองตัวเองก่อน”

อีกข้อคือ “สอนให้เห็นข้อดีของคน” ท่านเจ้าสัวอธิบายขยายความไว้ชัดเจนว่า คนเราทุกคนมีข้อดีและข้อไม่ดี ท่านถามลูกสาวคนเล็กคือคุณบี “ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์” ว่าสมมติมีเพื่อนที่ชอบนินทาเรา เราจะคบต่อไปหรือไม่?   คุณบีฟันธงว่าไม่คบ ท่านถามต่อว่าเพื่อนคนเดียวกันนี้เป็นคนใจอ่อน เห็นใครไม่สบายต้องไปดูแลเสมอ จะคบไหม? คุณบีก็เริ่มลังเล แต่ก็ยังคงยืนยันว่าไม่คบ ท่านเจ้าสัวก็สอนว่าต้องคบคนในเรื่องที่เขาดี ต้องรู้จักชื่นชมในสิ่งที่เขาดี ส่วนสิ่งที่ไม่ดีเช่นเขาชอบนินทา ก็ต้องรู้จักคบเขา เรื่องที่ไม่อยากเล่าเพราะเขาจะเก็บเอาไปนินทา ก็ไม่ต้องเล่าให้เขาฟัง เพราะถ้าเขาเก็บเอาไปนินทา ก็เป็นความผิดพลาดของเราเอง

และท่านยังสอนว่า “ชมคน” ต้องชมจากใจจริง เพราะคนเรามี “ประสาทสัมผัส” หยั่งรู้ได้ว่าคำพูดใดจริงหรือเท็จ เราต้องชมคนในเรื่องที่เป็นความจริง มนุษย์เรารู้ตัวดีว่าตนเองเก่งในเรื่องอะไร เราก็แสดงความรู้สึกให้เขารู้ตัวว่าเราชื่นชมเขาในเรื่องนั้นได้ แต่ต้องรู้จักหยิบยกข้อดีของเขาขึ้นมาชม

ท่านสอนอีกว่า “ข้อเสีย” หรือ “ความไม่ดี” ของคนอย่าไปพูดลับหลัง ถ้าเราไม่รู้จริงอย่าเที่ยวไปนินทาว่ากล่าวตำหนิติเตียนดุด่าต่อว่าต่อขานคน เพราะการเที่ยวพูดระราน ใส่ร้าย ใส่ความคน เท่ากับเป็นการทำร้ายจิตใจเขา แต่ให้รู้ข้อเสียหรือความไม่ดีของเขาไว้เพื่อระมัดระวังและสอนตัวเราไม่ให้มีอคติกับคน ท่านเจ้าสัวมักพูดเสมอว่ามนุษย์ทุกคนมีความดีและความไม่ดีในตัว อย่าไปโกรธ อย่าไปอคติ แต่ให้ตัวเราทำให้ดีที่สุดเป็นหลัก พอเริ่มเห็น “ข้อดี” ของเขาก็จะค่อยๆ เปลี่ยนมุมมอง ไม่รู้สึกเกลียดชังเขา เราก็ไม่เป็นทุกข์ เป็นการชำระจิตใจ ดูแลใจตนเอง

ท่านเจ้าสัวสอนให้เฮงอยู่เรื่อง น่าสนใจ ท่านเล่าว่าเวลาคนมาด่าเรา มีเหตุผลหลักสองข้อ ข้อแรก เขาคงเข้าใจผิดจึงโกรธเรา ด่าเรา ถ้าเข้าใจผิดก็หาทางไปชี้แจง จะไปโกรธตอบเขาทำไม ส่วนอีกข้อ เราคงต้องไปทำอะไรให้เขารู้สึกโกรธเคืองจริงๆ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะมาโกรธมาเกลียดเรา ซึ่งเราอาจจะทำโดยไม่ตั้งใจ ท่านบอกว่าไปขอโทษ ขออภัยเขาเสีย มานั่งโกรธเขานั้น ทำไม่ถูก

นอกจากนี้ท่านยังมีคำสอนดีๆ อีกมาก  ยกตัวอย่าง “เรียนไม่เก่งไม่เป็นไร ขอให้เรียนให้จบ” เชื่อขนมกินได้เลยว่าจะรุ่งเรืองแน่ๆ ในอนาคต อีกข้อ “คนไหนที่คอยแต่เอาเปรียบเพื่อน ถือเป็นวิธีที่ไม่ฉลาดเลย” นั่นเพราะตามหลักแล้วคนที่เสียรู้ หรือถูกเอาเปรียบมักจะผูกใจเจ็บ หนำซ้ำยังเอาเราไปพูดปากต่อปากในทางที่ไม่ดี ซึ่งถือว่าทำความเสียหายให้เราหนักและมากยิ่งกว่าเดิม ท่านสอนว่า “ต้องรู้จักมองข้อดีคนอื่น” ท่านแนะว่าสิ่งที่ดีที่สุดในการทำงานร่วมกับคนอื่นๆ อย่างมีความสุขก็คือการเสาะหาความเก่งของเพื่อน มองหาข้อดีของครู หัวใจอยู่ที่การพยายามเสาะหาข้อดีและมองหาจุดเด่นของเพื่อนๆ เพราะหากพบเจอจะทำให้ทุกครั้งที่พูดคุยกันก็จะทำให้รู้สึกเคารพซึ่งกันและกัน

และที่สำคัญคือ “อย่าทำให้คนเกลียด” ท่านสรุปว่า “เราเกลียดเขา สิ่งที่ได้คือเขาเกลียดเรา แต่ถ้าเรารักเขา อย่างน้อยเขาก็ไม่เกลียดเรา” ท่านขยายความว่าต้องทำให้สังคมเพื่อนๆ ยอมรับเราให้ได้ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ “ความอดทน” โดยท่านยืนยันว่า “ไม่มีคนไหน ถ้าไม่ขยัน ไม่อดทน ไม่ทุ่มเท แล้วจะประสบความสำเร็จ”  อีกคำสอนที่ดีมากคือ “เมื่ออายุมากขึ้น 1 ปี  เท่ากับความคิดเก่าลง 1 ปีเช่นกัน” สิ่งที่ต้องทำคือต้องหมั่นเรียนรู้เพิ่มเติมจากคนหนุ่มสาวที่อายุน้อยกว่า จะว่าเข้าตำราเรียนไปจนแก่ หรือไม่มีใครแก่เกินเรียนก็ได้ นั่นเพราะโลกเราทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าเราเรียนไม่ทันก็เท่ากับจะถูกความเจริญก้าวหน้าเอาผิดได้…”

อีกคำสอนคือ “เพราะ “เก่ง” อย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องสมดุลให้ได้ทั้ง “เก่งบวกดี” และ “คนดี” ต้องมาก่อน “คนเก่ง”…”

เพื่อนๆ นักขายครับ อยากสำเร็จ อยากเฮง อยากรวย ต้องรู้จักนำเอาข้อคิดเห็นดีๆ รอบตัว มาปรับใช้เพื่อสร้างวิสัยทัศน์มุมมองทัศนคติดีๆ ที่จะมีผลนำไปสู่การมีพฤติกรรมใหม่ และสร้างนิสัยแห่งความสำเร็จ!

 

Comments

comments