103. หลักชัยชนะจากคนรวยที่สุดในโลก FORBES

หลักชัยชนะจากคนรวยที่สุดในโลก Forbes

ศาสตราจารย์  ดร. อุทิส  ศิริวรรณ

แลกเปลี่ยน สนทนา ข้อคิดเห็น เชิงสร้างสรรค์ ที่ e-mail: druthit@druthit.com

วันที่ 9 มีนาคม 2556

———–

              ในแวดวงวิชา “การเงินและการลงทุนระหว่างประเทศ” จิตวิทยา เป็นประเด็นส่งผลกระทบในวงกว้างต่อตลาดเงินและตลาดทุน ซึ่งรวมถึงความสำเร็จในการนำกิจการของ CEO ต่างๆ โดยเฉพาะความคิด

              จนได้ข้อสรุปว่า “ความยากจนหรือความมั่งคั่ง ล้วนเป็นผลผลิตที่เกิดจากความคิด”

นิตยสารฟอร์บส์ มีชื่อเสียงจากการจัดอันดับ “เศรษฐี” และ “มหาเศรษฐี” มานานหลายสิบปี

ล่าสุดได้จัดอันดับ 20 มหาเศรษฐีโลกในรอบปี 2556

ข้อมูลน่าสนใจที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ http://www.forbes.com/billionaires/list/

สรุปสั้นๆ ว่า คนส่วนใหญ่ รวยด้วย “ความคิด”  เพราะ Smart Work มิใช่ต้องทำงานหนัก

ใครในวัยใดไม่ต้องทำงานหนักไม่ต้องเสียเวลานานหลายปีก็ร่ำรวยได้ขอเพียงกล้านับ 1 ใหม่

ตรงกับทฤษฎีความสำเร็จของนโปเลียน ฮิลล์ ที่สัมภาษณ์ความสำเร็จของมหาเศรษฐีกว่า500 คนไว้เมื่อเกือบร้อยปีก่อน และสรุปไว้สั้นๆ ว่า

ความสำเร็จหรือความล้มเหลว อยู่ที่ความคิด  กล้าคิดแล้วรวย ก็จะร่ำรวยได้จริงดังใจคิด

ผลงานของคนที่ “คิดแล้วรวย” คือกลุ่มมหาเศรษฐีใหม่ ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในปัจจุบันนี้ มีคนอย่างน้อย 5 คน ติดอันดับ “คนรวยที่สุด” เพราะกล้าที่จะคิด นำ ทำ และเปลี่ยนแปลง

อายุน้อยที่สุดคือ 39 ปี และสูงวัยที่สุดคือ 93 ปี

บิล เกต อายุ 57 ติดอันดับ 2 จากผลงานความคิด เจ้าของลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ดังไมโครซอฟต์

วอเรน บัฟเฟต อายุ 82 ติดอันดับ 4 ด้วยผลงานบริหารเงินกองทุนเบิร์กไชร์ ฮาธาเวย์

ลาร์ลี เอลลิสัน อายุ 68 ติดอันดับ 5 คนรวยที่สุดในโลก ด้วยผลิตภัณฑ์ไอทีคือออราเคิล

เจฟ เบซอส อายุ 49 ปี ติดอันดับ 19 ด้วยผลงานคือเว็บไซต์อเมซอน

และลาร์รี เพจ อายุ 39 ปี ติดอันดับ 20 ด้วยผลงานคือกูเกิ้ล

จาก 5 รายชื่อข้างต้น สรุปได้ว่า คนที่คิดแล้วทำจนสำเร็จเกิดความมั่งมีมั่นคงมั่งคั่งมีอยู่จริง

แสดงว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ก็ยังสามารถที่จะรวยไม่ยั้ง รวยไม่หยุด เอาช้างมาฉุด ก็ไม่หยุดรวย

คนที่ร่ำรวยต่างๆ เหล่านี้ เมื่อศึกษาเชิงลึกจะพบคำตอบที่สรุปได้หลายข้อดังต่อไปนี้

ข้อแรก “ต้องอยู่เหนือกาลเวลา” หมายความว่า ต้องไม่คิด ทำ และพูดแบบเดิมว่า จะรวยได้ ต้องทำงานหนักเท่านั้น ต้องใช้เวลามากเท่านั้น จึงจะรวย รวยแบบใหม่คือ Smart Think, Smart Work

ข้อที่ 2 “ต้องกล้าคิดกล้าฝันกล้าทำในสิ่งที่สวนกระแส และคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นไปไม่ได้” ยกตัวอย่างเบซอสผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Amazon หรือเพจ ผู้ก่อตั้ง Google คนเหล่านี้กล้าคิดกล้าฝันกล้าทำ “ตลาดนัดออนไลน์” ระดับโลก ไม่ต้องเสียหน้าร้าน ไม่ต้องจ่ายค่าแผงค่าเช่าสถานที่ราคาแพง แต่ก็ร่ำรวยได้

เช่นเดียวกับ Google เมื่อตอบโจทย์คนที่ “อยากรู้” “อยากเห็น” ได้ทุกเรื่อง ก็ “ร่ำรวย” ทันที

ข้อที่ 3 “ต้องเป็นนายตัวเอง กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง” คนที่จะคิดแล้วทำจนร่ำรวย ล้วนเป็นคนที่ไม่ยอมให้ “ความงมงาย” อยู่เหนือ “ปณิธาน” หรือเป้าหมายที่วางแผนไว้  ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ต้องกำหนดทิศทางชีวิต แผนชีวิต แผนการทำงาน  มุ่งสู่ความสำเร็จ ด้วยตัวของตัวเอง

ข้อที่ 4 “ต้องคิดและเชื่อแบบมีหลักการ”  สิ่งใดก็ตาม ที่คนผู้หนึ่งสามารถคิดแล้วเชื่อและลงมือทำตามที่คิดและเชื่อ สิ่งนั้นย่อมสำเร็จได้ในท้ายที่สุด เมื่อก่อนเอ่ยกูเกิ้ล คนไม่รู้จัก เดี๋ยวนี้ ทุกวงการใช้กูเกิ้ล เพราะสะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่าย เพียงแค่คลิกก็รู้ทุกเรื่องจากทุกมุมโลก

ทั้ง 4 ข้อข้างต้น เป็น “วิถีสู่ชัยชนะ”

อยากร่ำ อยากรวย อยากสำเร็จ ไม่สาย ไม่ช้าที่จะสำเร็จ จะมั่งคั่ง จะร่ำรวย ขอเพียงแค่กล้าคิดแบบใหม่ คิดไม่เหมือนใคร คิดไม่เหมือนเดิม คิดแล้วคลิก คลิกแล้วทำแบบมาม่าควิก ก็จะสำเร็จ สำเร็จ และสำเร็จ เอาหลักการ 4 ข้อ แปะไว้ข้างฝาตัวโตๆ แล้วลองทำตามดู ได้ผลอย่างไร ส่งข่าวด้วยนะครับ!!!

 

Comments

comments